Thai Free Trade ,FX Trading News & Analysis
ข่าวสาร ข้อมูล และเทคนิคการเทรด Forex,Cryptocurrency และทองคำ ติดต่อผู้เขียน Thaifxtrader@gmail.com
เปิดบัญชีเทรด Forex และ Crypto Currency ได้ง่ายๆ
วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2564
วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2564
วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $20.5 เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2564
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง 15.1 ดอลลาร์ บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือนเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 15.1 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 1,700.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2563
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 92.6 เซนต์ หรือ 3.51% ปิดที่ 25.461 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 46.5 ดอลลาร์ หรือ 3.93% ปิดที่ 1,135.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 11.60 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 2,342.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.541% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.306%
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร แต่จะเทขายทอง ในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นหลังจากนายพาวเวลกล่าวว่า การที่สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลยืนยันว่า การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และยังไม่มีความรุนแรงเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.75% แตะที่ 91.6293 เมื่อคืนนี้
from : ryt9.com
สนับสนุนเราโดยเปิดบัญชีเทรด สเปรดต่ำ ฝากถอนไว ได้ที่
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก 11 Nov: ทองปิดลบ $14.8 เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่สดใส โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 14.8 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,861.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 19.5 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 24.267 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 24.6 ดอลลาร์ หรือ 2.76% ปิดที่ 868.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 154.60 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 2,316.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ระดับ 93.0452 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มตลาด และคาดหวังปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ซึ่งได้แก่ การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น วัคซีนที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
ตลาด Bitcoin และ Cryptocurrency ทั่วโลกเตรียมรับแรงกระแทกจากธนาคารกลางแห่งยุโรปในเร็ว ๆ นี้
ราคา Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่นั้นได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้รับแรงหนุนจากผลการเลือกตั้งของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ
และดูเหมือนราคา bitcoin จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางแห่งยุโรปที่ได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า พวกเขากำลังเตรียมพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง
โดยนาง Christine Lagarde ประธานของธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ECB “ควรเตรียมพร้อมที่จะออกเงินยูโรดิจิทัลเป็นของตัวเอง” ซึ่งเธอเน้นย้ำถึงเรื่อง “ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานจากทั่วโลกที่กำลังจะส่งผลทบต่อธนาคารกลางยุโรป”
ในขณะนี้นักเทรดคริปโตต่างกำลังจับจ้องไปคำพูดของนายธนาคารกลางอาวุโสเกี่ยวกับเรื่องความก้าวหน้าของการวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และวิธีที่ผู้ว่าการรัฐคาดหวังให้ CBDC ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบันเช่น Bitcoin
“สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจะส่งผลดีต่อ Bitcoin” นาย Richard Paulsen หัวหน้าผู้บริหารของ Arcane Media and Research ในกรุงออสโลกล่าวผ่านอีเมลที่เขียนอธิบายว่า เขาคาดหวังให้ CBDC ส่งผลกระทบต่อตลาด Bitcoin และคริปโตอย่างไร
“โครงสร้างของ CBDC ในตลาดรายย่อยจะต้องอยู่ในรูปของโทเค็นอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นหมายความว่าเพื่อให้สามารถใช้เป็นวิธีการชำระเงินได้ โซลูชันการชำระเงินนี้จะต้องเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไปสู่ดิจิทัลอย่างแท้จริง สิ่งนี้จะทำให้ระบบอีคอมเมิร์ซสามารถสลับเปลี่ยนระหว่าง CBDC และ Bitcoin ในแต่ละธุรกรรมได้ง่ายขึ้น “
CBDC กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในหมู่นายธนาคารกลาง ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยในปี 2019 Facebook มีแผนสำหรับการเปิดเหรียญคริปโต Libra ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก bitcoin ซึ่งผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเกิดอาการตื่นกระหนกและกลัวว่าสกุลเงินดิจิทัลของ Facebook อาจเป็นตัวบ่อนทำลายนโยบายการเงินทั่วโลก
โดยเมื่อเดือนที่แล้ว Lagarde กล่าวว่าเธอต้องการทำให้ “แน่ใจก่อนว่าเงินยูโรนั่นเหมาะกับยุคดิจิทัลจริง ๆ ” ในแถลงการณ์ที่ควบคู่ไปกับการประกาศของ ECB เธอกล่าวว่า “เรายังไม่แน่ใจว่า เงินยูโรดิจิทัลจะใช้ได้ผล”
อย่างไรก็ตามนาย Fabio Panetta ประธานคณะทำงานระดับสูงของ Eurosystem ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า “เงินยูโรดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของยุโรปไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างแท้จริง” Panetta กล่าวเสริมด้วยว่า “นอกจากนี้มันยังมีส่วนช่วยในอธิปไตยทางการเงินและเสริมสร้างบทบาทการค้าระหว่างประเทศของเงินยูโรอีกด้วย”