วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์ EUR/USD 24 ธค

EUR/USD intraday: the upside prevails.

Pivot: 1.4275
คำแนะนำ : Long ที่เหนือระดับ 1.4275 targets @ 1.4370 & 1.4405
หากราคาผ่านต่ำกว่า1.4275 จะไปที่เป้าหมาย 1.4235 & 1.4215
ข้อสังเกต : RSI ผสมกันกับแนวโน้มขึ้น
Key levels
1.4440
1.4405
1.4370
1.4330 last
1.4275
1.4235
1.4215

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 23 ธค: ดอลล์ร่วง หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.54% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4326 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4249 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.17% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 91.680 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.840 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.89% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0393 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0486 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ขยับขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5957 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5970 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.39% แตะที่ 0.8792 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8758 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.27% แตะที่ 0.7036 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7017 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์จากแคปิตอล อิโคโนมิคส์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันอย่างหนักหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ดิ่งลง 11.3% แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ สหรัฐยังปรับลดการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 โดยประเมินว่าจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 2.2% ต่ำกว่าที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.8%
ส่วนค่าเงินปอนด์ดิ่งลงหลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงหนึ่งขั้นสู่ระดับ A2 จากเดิมที่ A1 เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- พร้อมกับแนะนำให้นายจอร์จ พาพันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งในขณะนี้ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันพฤหัสบดีที่ 24 ธ.ค. และปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค.เนื่องในวันคริสต์มาส

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 23 ธค.

Pivot: 1.4350
คำแนะนำ : Short ที่ระดับต่ำกว่า 1.4350 targets @ 1.4215 & 1.4175
หากผ่านสูงกว่า 1.4350 จะไปที่เป้าหมายด้านบน 1.4425 & 1.4500
ข้อสังเกต : แนวโน้มขาลงยังมีแรงลง
Key levels
1.4500
1.4425
1.4350
1.4250 last
1.4215
1.4175
1.4080

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 22 ธค: เชื่อมั่นศก.สหรัฐฟื้นเร็วกว่ายุโรป หนุนดอลล์พุ่งเทียบยูโร,ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่ายุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสหรัฐด้วย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4250 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4283 ยูโร/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 0.70% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 91.790 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.150 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0484 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0459 ฟรังค์/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5969 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6041 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.57% แตะที่ 0.8758 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.8808 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.7018 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ แตะที่ 0.7047 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพราะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่ายุโรป โดยเมื่อวานนี้รัฐบาลอังกฤษระบุว่าเศรษฐกิจภายในประเทศหดตัว 0.2% ในไตรมาส 3 นอกจากนี้ การที่กรีซถูกปรับลดอันดับเครดิต ยิ่งทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินในโซนยุโรป รวมถึงเงินปอนด์และยุโร
เมื่อวานนี้ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงหนึ่งขั้นสู่ระดับ A2 จากเดิมที่ A1 เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก พร้อมกับแนะนำให้นายจอร์จ พาพันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งในขณะนี้ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)
การประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P และมูดีส์ มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนให้นายพาพันเดรอูเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณโดยเร็ว
ดัชนี Chicago Board Options Exchange`s Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความผันผวนของดอลลาร์ ลดลง 4.6% แตะที่ 19.55 จุด หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นแตะระดับ 89.5 จุดในเดือนต.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดกระแสความวิตกกังวลเรื่องวิกฤตการณ์การเงิน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 7.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้มาตรการลดหย่อนภาษี ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายบ้านทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศปรับลดการประเมินตัวเลขจีดีพี โดยประเมินว่าจีดีพีไตรมาส 3 ขยยตัวเพียง 2.2% ต่ำกว่าที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.8%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค.เนื่องในวันคริสต์มาส

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นกแก้วราคาเท่าไหร่

ขำขันส่งท้ายปีครับ

ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง
เห็นนกแก้วตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่จึงเกิดสนใจถามคนขายว่านกแก้ว
ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
ชายคนนั้น : ลุงๆไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
คนขาย : 15,000 บาท
ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window,mac,unix แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ
ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆมันล่ะ
คนขาย : 25,000 บาท
ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง ( หัวเราะ)
คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ
ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆอยู่ข้างหลังน่ะ
(ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัวที่นั่งอยู่หน้าคอมอยู่นั่นแหละ ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ
ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ
คนขาย : 100,000 บาท
ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ
คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า !!!

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 22 ธค

Pivot: 1.4400
คำแนะนำ: Short ที่ระดับต่ำกว่า 1.44 targets @ 1.4260 & 1.4175
หากราคาผ่านระดับ 1.4400 เป้าหมายคือ 1.4500 & 1.4570
ข้อสังเกต: RSI ติดเส้นแนวโน้มขาลง

Key levels
1.4570
1.4500
1.4400
1.4285 last
1.4260
1.4175
1.4080

ข่าวสถานการณ์ EUR /USD 22 ธค.

EURUSD: Intraday views

มีการเด้งกลับขึ้นเล็กน้อยจากจุดต่ำสุด ระดับ 1.4260 และกลับขึ้นมาที่ระดับ 80 ยังไม่มีอะไรพิเศษนัก
แต่มีการระบุว่ามีแรงซื้อที่บริเวณ 1.4250 ซึ่งอาจจะดึง EUR ขึ้นในช่วงเช้านี้
ในตลาดมีการกล่าวถึงแรงซื้อบริเวณ 1.4250 และการ stops ที่ต่ำกว่านั้น
ด้านบนยังดูเหมือนจำกัดอยู่ในช่วงตลาดเอเชีย จากการขายที่บริเวณ 1.4300-20
เป้าหมายทางเทคนิคคือ 1.4190( 100 day MA) สำหรับการลงครั้งนี้

World Markets21 ธค: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปด้านการดูแลสุขภาพ รวมทั้งข่าวบริษัท ซาโนฟี-เอเวนติส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของฝรั่งเศสประกาศแผนเข้าซื้อกิจการบริษัท แชทเทม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นอินเทล คอร์ป และ หุ้นอัลโค อิงค์ เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มผลกำไรที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 85.25 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 10,414.14 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.58 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 1,114.05 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 25.97 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 2,237.66 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 73 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะประชุมร่วมกันในวันอังคารที่ 22 ธ.ค.นี้ที่ประเทศแองโกลา โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าโอเปคจะคงการผลิตไว้เท่าเดิม
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 89 เซนต์ ปิดที่ 72.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.70-72.25 ดอลลาร์ (ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเดือนก.พ.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 73.72 ดอลลาร์/บาร์เรล)
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซาและผันผวน หลังจากสกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นได้กระตุ้นนักลงทุนให้เทขายสัญญาทองคำและหันเข้าเทรดในตลาดหุ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,096.00 ดอลลาร์/ออนซ์ 15.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 1119.0 - 1093.5 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งประกาศควบรวมกิจการกัน ขณะที่กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจยุโรปส่งผลให้นักลงทุนเทขายยูโร
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับยูโร แตะที่ 1.4282 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4341 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.97% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.180 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.300 เยน/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวการควบรวมกิจการระหว่างซาโนฟี-เอเวนติส แชทเทม อิงค์ มูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 97.18 จุด หรือ 1.9% ปิดที่ 5,293.99 จุด

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 21 ธค.

Pivot: 1.4375
คำแนะนำ : Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4375 targets @ 1.426 & 1.4175
หากราคาผ่านเหนือระดับ 1.4375 เป้าหมายคือ 1.4425 & 1.4500
ข้อสังเกต : RSI มีทิศทางไม่ดี ราคาติดอยู่ที่เส้นแนวโน้มลงระยะกลาง
และยังอยู่ในภาวะกดดัน
Key levels
1.4500
1.4425
1.4375
1.4286 last
1.4260
1.4175
1.4080

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 18 ธค:ดอลล์พุ่งเทียบยูโร-ปอนด์ ขณะนลท.วิตกเศรษฐกิจยุโรป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเงินปอนด์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการเงินในกลุ่มประเทศยุโรป
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4340 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4344 ยูโร/ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6145 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6156 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.46% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.290 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.880 เยน/ดอลลาร์ แต่ลดลง 0.44% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ระดับ 1.0423 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0469 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้น 0.39% แตะที่ 0.8905 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8870 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 0.16% แตะที่ 0.7107 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7096 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ทั้งนี้ สถานการณ์ทางการเงินในยุโรปกำลังสร้างความวิตกกังวลต่อนักลงทุน โดยเมื่อวานนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก นอกเสียจากว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ โดยการประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คาดการณ์จาก Saxo Bank สำหรับปีหน้า 2010

กองทุนประกันสังคมของอเมริกาจะล้มละลาย
เงินเยนจะอ่อนค่าลงถึง 110 (USD/JPY)
ทองจะลงไปที่ระดับ 870$ ก่อนจะเด้งกลับขึ้นในระยะยาวไปที่ 1500$ ในเวลาสองสามปีนี้
ปี 2010 ยังมีการบริโภคไม่มากกว่าการผลิต
ดังนั้น ภายในเวลาไม่กี่เดือนนี้ คาดว่าดอลจะค่อยๆ แข็งขึ้น
คู่อียูก็จะลงไปได้อีก

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.telegraph.co.uk/finance/financetopics/financialcrisis/6835576/US-pensions-go-bust-gold-crashes-China-flops-Bunds-soar-predicts-Saxo.html

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 18 ธค.

Pivot: 1.4420
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4420 targets 1.4300 & 1.4235

หากราคาผ่านเหนือ 1.4420 เป้าหมายคือ 1.4500 & 1.4600
ข้อสังเกต:RSI ขึ้นมาชนบริเวณ 50% และกำลังกลับลง
Key levels
1.4600
1.4500
1.4420
1.4345 last
1.4300
1.4235
1.4160

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 17 ธค: ดอลล์พุ่งแรง หลัง FED ส่งสัญญาณถอนมาตรการกระตุ้นศก.

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งล่าสุด รวมถึงชะลอโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.33% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4343 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4536 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.18% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.940 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.780 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.85% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ 1.0467 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.0379 ฟรังค์/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6158 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6334 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.52% แตะที่ 0.8869 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9006 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.61% แตะที่ 0.7093 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ 0.7209 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากคณะกรรมการเฟดระบุว่าจะค่อยๆชะลอการเข้าซื้อหลักทรัพย์และตราสารหนี้ ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล วงเงินรวม 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และจะให้โครงการดังกล่าวหมดอายุลงในไตรมาสแรกของปี 2553 นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดจะเริ่มปิดวงเงินสว็อปสภาพคล่องภายในวันที่ 1 ก.พ.และค่อยๆลดวงเงินในโครงการ Term Auction Facility ในช่วงต้นปี 2553
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับ 480,000 ราย เพิ่มขึ้น 7,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ส่วนค่าเงินยูโรและเงินปอนด์ได้รับแรงกดดันหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก นอกเสียจากว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งในขณะนี้ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)
โดยการประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนให้รัฐบาลกรีซเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณโดยเร็ว

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์ EUR/USD 17 ธค.

Pivot: 1.4500
คำแนะนำ : SHORT ที่ราคาต่ำกว่า 1.4490 เป้าหมาย 1.4345 & 1.4300
ทางเลือก : หากราคาผ่านเหนือ 1.4500 จะไปที่เป้าหมาย 1.4600 & 1.4675
ข้อสังเกต ราคาได้ผ่านกรอบขาลงระยะกลาง และยังอยู่ใต้แรงกดดันเนื่องจาก RSI ยังมีทิศทางลง
แนวโน้ม : ระยะสั้น ขึ้นได้จำกัด ; ระยะกลาง อยู่ในกรอบ

Key levels Comment
1.4675*** Intraday resistance
1.46*** Intraday resistance
1.45*** Intraday pivot point
1.4396 Last
1.4345** Intraday support
1.43** Intraday support
1.4235** Intraday support

When you say nothing at all

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 16 ธค: ดอลล์ฟื้นเทียบเยน รับข่าว FED เล็งถอนมาตรการกระตุ้นศก.

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าจะเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า รวมถึงโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และยูโร หลังจากมียืนยันว่าจะคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.02% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4536 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4533 ยูโร/ดอลลาร์ แต่พุ่งขึ้น 0.18% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.780 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.620 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.22% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0380 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0403 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดิ่งลง 0.39% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6338 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6275 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.66% แตะที่ 0.9007 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9067 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.21% แตะที่ 0.7206 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7221 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดระบุว่า จะค่อยๆชะลอการเข้าซื้อหลักทรัพย์และตราสารหนี้ ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล วงเงินรวม 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะสิ้นสุดลงภายในไตรมาสแรกของปี 2553 พร้อมระบุว่าจะมีการประเมินช่วงเวลาและปริมาณการเข้าซื้อหลักทรัพย์ เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจและสภาวะในตลาดการเงินเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดจะเริ่มปิดวงเงินสว็อปสภาพคล่องภายในวันที่ 1 ก.พ.และค่อยๆลดวงเงินในโครงการ Term Auction Facility ในช่วงต้นปี 2552
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมกับย้ำว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงหลังจากจีดีพีไตรมาส 3 ของออสเตรเลีย ขยายตัวเพียง 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ขณะที่ค่าเงินยูโรถูกกดดันหลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. เนื่องจากความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มชะลอตัว

ดอลล์แข็งค่าที่ตลาดโตเกียววันนี้ 17 ธค ขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

เงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองเงินดอลลาร์มากขึ้น
โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์เลวร้ายในตลาดแรงงานเริ่มคลี่คลายลง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงไปสู่ระดับ 465,000 รายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จากระดับ 474,000 รายในรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ณ เวลา 11:18 น.ตามเวลาโตเกียว เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ 1.4472 ยูโร/ดอลลาร์ โดยที่ก่อนหน้านั้นค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 1.4452 ยูโร/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. จากระดับ 1.4531 ยูโร/ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กวานนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.98 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.78 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 130.21 เยน/ยูโร จากระดับ 130.46 เยน/ยูโร
นักวิเคราะห์มองว่า การที่นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ในรูปสกุลดอลลาร์ก็เป็นเพราะสถานการณ์ในตลาดแรงงานที่ดีขึ้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมีความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด ซึ่งชี้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่ขยายตัวได้ 0.3% ในเดือนต.ค.

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 16 ธค. the downside prevail

Pivot: 1.4575
คำแนะนำ : Short ที่ต่ำกว่า 1.4575 @ 1.45 & 1.4450

หากราคาผ่านเหนือ 1.4575 ขึ้นไป จะไปที่เป้าหมาย 1.4625 & 1.4685
ข้อสังเกต: RSI อยู่ในกรอบแนวโน้มลง
Key levels
1.4685
1.4625
1.4575
1.4535 last
1.4500
1.4450
1.4410

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก15 ธค: ดอลล์พุ่ง หลัง PPI สหรัฐจุดกระแสวิตกเงินเฟ้อ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ที่สูงเกินคาด ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.85% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4530 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4655 ยูโร/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 1.17% เมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 89.630 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.590 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.86% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0405 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0316 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.27% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6266 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6310 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.16% แตะที่ 0.9059 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9165 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.82% แตะที่ 0.7216 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7276 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีพีพีไอเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า ขณะที่ดัชนีพีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ดีดขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรุนแรงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดัชนีพีพีไอที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนพ.ย.เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่รัฐบาลและเฟดอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังและจับตาดูการประชุมเฟดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่รุนแรงอาจทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ 0 - 0.25%
นอกจากนี้ เฟดรายงานว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 0.8% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งการผลิตที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย
ค่าเงินยูโรดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนธันวาคม เนื่องจากความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มชะลอตัว รวมถึงการที่กรีซมีตัวเลขขาดดุลสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในยุโรป นอกเหนือจากการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทยแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพุธด้วย โดยกระทรวงแรงงานเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.และข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 15 ธค.



Pivot: 1.4685
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4685 targets @ 1.4585 & 1.4535
หากราคาผ่านเหนือ 1.4685 ขึ้นไป จะไปที่เป้าหมาย 1.4775 & 1.4825
ข้อสังเกต: RSI มีแรงขึ้นน้อย
Key levels
1.4825
1.4775
1.4685
1.4655 last
1.4585
1.4535
1.4470

คาราโอเกะ นักเรียนเกาหลี คลายเครียดครับ


ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 14 ธค.: ข่าวอาบูดาบีอัดฉีดเงินให้ดูไบ ฉุดดอลล์ร่วงหนัก

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐและหันไปถือครองสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า หลังจากมีรายงานว่าอาบูดาบีให้เงินช่วยเหลือดูไบมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแม้มีกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหนี้สินและอันดับเครดิตของกรีซและสเปนก็ตาม

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.20% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4650 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4621 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.52% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 88.590 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.050 เยน/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.25% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0318 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0344 ฟรังค์/ดอลลาร์ และร่วงลง 0.36% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6308 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6249 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.52% แตะที่ 0.9168 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ระดับ 0.9121 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.30% แตะที่ 0.7277 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7255 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐเพราะต้องการถือครองสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า รวมถึงยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากอาบูดาบี ซึ่งเป็นนครรัฐหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศว่าจะอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับดูไบ โดยเงินจำนวน 4.1 พันล้านดอลลาร์จะนำไปชำระหนี้พันธบัตรอิสลามที่ครบกำหนดไถ่ถอน

ขณะที่ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นแม้นายกรัฐมนตรีกรีซยอมรับว่า กรีซมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับหนี้สินภาคสาธารณะที่สูงขึ้น ขณะที่สถาบันจัดอับดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซ

ที่ประชุมสหภาพยุโรเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซเร่งแก้ไขวิกฤตการณ์การเงินภายในประเทศ และแสดงความกังวลว่ามาตรการฉุกเฉินของรัฐบาลกรีซจะไม่สามารถยับยั้งกระแสความตื่นตระหนกในตลาดได้ เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 12.7% ของตัวเลขจีดีพี

นายโฮเซ่ บาร์รอสโซ่ ประธานคณะกรรมาธิการอียูกล่าวว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซสะท้อนให้เห็นว่ายุโรปจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับมาตรการที่ถูกที่ถูกเวลา อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ากรีซจะสามารถฟันฝ่าปัญหาดังกล่าวไปได้อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่า

นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ดูไบ และอาบูดาบี ร่วมมือกันแก้ปัญหาดูไบเวิร์ลด์

มีการประกาศจากรัฐบาลดูไบ ว่าจะอนุมัติเงินจำนวน $4.1 พันล้านเหรียญ ให้กับ Sukuk
นอกจากนี้ รัฐบาล อาบูดาบีพยายามทำการช่วยเหลืออีก หมื่นล้านเหรียญ เพื่อช่วยในการปรับโครงสร้างหนี้ และ UAE central bank ได้ให้สัญญาว่าจะให้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือ
EUR/USD ได้พุ่งขึ้นทันทีหลังจากประกาศข่าว ไปที่แนวต้าน ระดับ 1.4670,
GBP/USD ขึ้นประมาณ 100 pips อย่างรวดเร็ว และ AUD/USD กระโดดขึ้น 50 pips, กลับมาที่ราคาเปิด

สรุปสถานการณ์ค่าเงินดอลลาห์ 11-17 ธค.


หลังจากที่วันศุกร์ที่ 11 ธค. เวลา 20:30 น. ได้มีการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกที่สดใส
โดยปกติแล้วข่าวที่ดีขึ้น จะทำให้นักลงทุนขายดอลลาห์เพื่อไปลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์อื่น
แต่ครั้งนี้หลังข่าว ดอลลาห์แข็งขึ้น อียูร่วงจาก 1.4760 มาที่ 1.4730 เนืองจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ในไม่ช้าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(กำหนดในวันพฤหัส ที่ 17 ธค.นี้ เวลา 02:15น.) เพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนกลับไปซื้อดอลลาห์กันอย่างคึกคัก ทำให้อียูร่วงลงเป็นระลอกที่สอง จากระดับ 1.4730 ลงมาทำนิวโลว์ที่ 1.4585
อย่างไรก็ตาม เฟดได้ยืนยันมาตลอดว่า จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไป
ช่วงสองสามวันนี้ จึงคาดว่าดอลลาห์จะยังผันผวนต่อไป จนกว่าจะถึงเวลานั้น

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 14 ธค.

Pivot: 1.4700
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4700 เป้าหมาย @ 1.4585 & 1.4535

หากราคาผ่านเหนือ 1.4700 เป้าหมายคือ 1.4775 & 1.4825
ข้อสังเกต: ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถรีบาวนด์ทางเทคนิคได้เต็มที่ แต่การลงต่อก็ยังถูกจำกัด

แนวต้านระยะใกล้อยู่ที่ระดับ 1.4660/70 และคาดว่าจะลงไปทดสอบระดับ 1.4600 อีกครั้ง

Key levels
1.4825
1.4775
1.4700
1.4622 last
1.4585
1.4535
1.4470

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 12 ธค: ดอลล์แข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนเทียบยูโร หลังข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังจากที่ยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสดใส ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในเร็ววันนี้
โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 1.4622 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4734 ดอลลาร์/ยูโร นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยนโดยแตะที่ 89.090 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.180 เยนต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าแตะ 1.0340 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0258 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์ และแข็งค่าแตะ 1.6236 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6277 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะ 0.9116 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9169 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็อ่อนค่าแตะ 0.7245 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7284 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพฤศจิกายนขยายตัว 1.3% หรือมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า และมากกว่าเดือนตุลาคมซึ่งขยายตัว 1.1% ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ก็ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนธันวาคม เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายตัวอีก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และนั่นอาจทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยคาดไว้
การปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือกระแสคาดการณ์ที่ว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เป็นปัจจัยที่สามารถทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนจะหันไปลงทุนในสกุลเงินที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูง
ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ซึ่งหลายฝ่ายต่างลุ้นว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากที่เคยยืนยันมาตลอดว่าจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าเฟดยังไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราว่างงานในสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 11 ธค.





แนวโน้มวันนี้ รีบาวน์ขึ้นปรับฐาน

Pivot: 1.4675

คำแนะนำ : Long ที่ราคาเหนือ 1.4675 @ 1.4775 & 1.4825
หากราคาทะลุ 1.4675 ลงไป จะไปที่เป้าหมาย 1.4610 & 1.4530
ข้อสังเกต : ราคายังอยู่เหนือเส้นแนวโน้มลง
Key levels
1.4890
1.4825
1.4775
1.475 last
1.4675
1.4610
1.453

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 10 ธค: ดอลล์ทรงตัวเทียบยูโร,ปอนด์ หลังอังกฤษคงดบ.-เดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) หลังจากอังกฤษประกาศเดินหน้าใช้มาตรการพยุงเศรษฐกิจต่อไป อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่และยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหันไปซื้อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลงเพียง 0.04% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4730 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4724 ยูโร/ดอลลาร์ แต่พุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.220 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 87.860 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ขยับลง 0.09% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0257 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.0266 ฟรังค์/ดอลลาร์ และขยับขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6273 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6261 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.94% แตะที่ 0.9172 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9087 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.32% แตะที่ 0.7279 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7184 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันและดีดขึ้นมาย่ำฐานทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ตามความคาดหมายในการประชุมเมื่อวานนี้ และระบุว่าจะดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ที่ระดับ 2 แสนล้านปอนด์ (3.25 แสนล้านดอลลาร์) ต่อไป
คณะกรรมการผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงอย่าง น้อยในเดือนก.พ. และย้ำว่าโครงการซื้อสินทรัพย์จะสิ้นสุดลงตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าในเดือนต.ค.ลดลงเหลือ 3.29 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดส่งออกเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.5% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานร่วงลงแตะระดับ 474,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.75% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 31,200 ตำแหน่งจากเดือนต.ค. พร้อมทำสถิติขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากบริษัทเอกชนหลายแห่งเพิ่มการจ้างงานมากขึ้น ส่วนอัตราว่างงานขยับลดลงจากระดับ 5.8% ไปอยู่ที่ 5.7%

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 10 ธค.


Pivot: 1.4775
คำแนะนำ : SHORT ที่ 1.4765 เป้าหมาย 1.4665 & 1.4610
หากราคาทะลุผ่าน 1.4775 ขึ้นไปด้านบน จะไปที่เป้าหมาย 1.4825 & 1.4890
ข้อสังเกต: ราคายังอยู่ในกรอบขาลง
แนวโน้ม : ระยะสั้นยังขึ้นได้จำกัด; ระยะกลาง ยังอยู่ในกรอบ
Key levels
1.489** Intraday resistance
1.4825** Intraday resistance
1.4775** Intraday pivot point
1.4712 Last
1.4665*** Intraday support
1.461** Intraday support
1.453** Intraday support

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 9 ธค:ดอลล์พุ่งเทียบปอนด์-ยูโร ขณะนลท.วิตกเศรษฐกิจยุโรป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.เป็นต้นมา ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อสถานะทางการเงินของกลุ่มประเทศยุโรป ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับเงินยูโร ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ 1.4693 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4698 ยูโร/ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.52% ที่ระดับ 1.6201 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.6286 ดอลลาร์/ยูโร
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0286 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0272 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดิ่งลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.77 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.34 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.04% แตะที่ 0.9035 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9039 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยายตัวขึ้นแตะระดับ 0.7088 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7067 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้ และคาดว่ารัฐบาลจะต้องเพิ่มอัตราการกู้ยืมเงินในปีหน้าเพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ ขณะที่มูดี้ส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือกล่าวว่า อังกฤษต้องแก้ปัญหาหนี้สาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการถูกลดอันดับเครดิตที่ AAA
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ซึ่งถูกมองว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงนั้นกำลังเป็นที่ต้องการของนักลงทุน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในยุโรป ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดทำให้นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินมายังสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 9 ธค.

Pivot: 1.4775
คำแนะนำ : Short ที่รีคาต่ำกว่า 1.4775 targets @ 1.4680 & 1.4610

หากราคาผ่าน 1.4775 เป้าหมายคือ 1.4830 & 1.4865

ข้อสังเกต : RSI เป็นขาลง bearish และมีแนวโน้มลงต่อ

Key levels
1.4865
1.4830
1.4775
1.4702 last
1.4680
1.4610
1.4560

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 8 ธค: ดอลล์พุ่งแรง หลังมูดีส์ชี้อันดับเครดิต AAA ของสหรัฐมีความเสี่ยง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่าสหรัฐและอังกฤษมีหนี้สาธารณะที่สูงมาก อีกทั้งระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐและอังกฤษอยู่ในระดับที่อ่อนแอกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศส
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4700 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4819 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 1.01% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6280 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6446 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.71% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0270 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0198 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดิ่งลง 1.34% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.310 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.510 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.93% แตะที่ 0.9038 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9123 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.79% แตะที่ 0.7068 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7124 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างคึกคัก หลังจากมูดีส์ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อยู่ในกลุ่มยืดหยุ่น (Resilient AAA) ซึ่งนับว่าด้อยกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสที่อยู่ในกลุ่มต้านทาน (Resistant AAA) เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลกน้อยกว่าสหรัฐและอังกฤษ
มูดีส์กล่าวว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งแตะ 97.5% ของกิจกรรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในปี 2553 จากปีนี้ที่ระดับ 87.4% และคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของสหรัฐยังไม่มากพอที่จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ มูดีส์ได้จัดอันดับเครดิต AAA ไว้ 3 กลุ่ม ซึ่งได้แก่กลุ่มต้านทาน (Resistant) ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ดีทีสุด กลุ่มยืดหยุ่น (Resilient) ซึ่งเป็นกลุ่มรองลงมา และกลุ่มเปราะบาง (Vulnerable) ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับในครั้งนี้มูดีส์ไม่ได้จัดประเทศใดให้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง
มูดีส์กล่าวว่า ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษร่วงลงเมื่อเทียบกับ 16 สกุลเงินหลักๆที่เป็นคู่ค้าของอังกฤษ โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้มูดีส์เห็นว่าอันดับเครดิต AAA ของอังกฤษจึงติดกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจแบบยืดหยุ่น หรือ มีโอกาสที่จะ "ชนขอบวงนอกสุดของ AAA" เนื่องจากอังกฤษถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก
มูดีส์ระบุว่า การพิจารณาจัดกลุ่มสถานะของทุกประเทศที่มีอันดับเครดิต AAA นั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์การเงินเป็นหลัก โดยประเทศที่ติดกลุ่มต้านทานนั้น นอกเหนือจากแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสแล้ว มูดีส์ยังระบุว่านิวซีแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ก็ติดกลุ่มต้านทานด้วย
นอกจากนี้ มูดีส์ยังปรับลดอันดับเครดิตของบริษัท 6 แห่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลดูไบ โดยกล่าวว่ารัฐบาลดูไบอาจไม่สามารถรับประกันหนี้สินของบริษัททั้ง 6 แห่งได้ ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซ โดยระบุว่ารัฐบาลชุดใหม่ของกรีซอาจไม่สามารถควบคุมหนี้สินที่พุ่งสูงขึ้นได้

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 8 ธค.


Pivot: 1.4900
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4900 targets 1.4778 & 1.4735
หากราคาผ่าน 1.4900 ขึ้นไป เป้าหมายคือ 1.4970 & 1.5020
ข้อสังเกต : RSI ชนแนวต้านหลักที่ประมาณ 70%
และกำลังกลับลง
Key levels
1.5020
1.4970
1.4900
1.4820 last
1.4778
1.4735
1.4685

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 7 ธค: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร เหตุนักลงทุนวิตกแนวโน้มเศรษฐกิจ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์หลังจากตลาดหุ้นร่วงลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐยังไม่ผ่านพ้นไป แม้อัตราว่างงานในสหรัฐปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4811 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4850 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.06% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6438 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6448 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0204 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0164 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ร่วงลง 1% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.530 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.430 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.44% แตะที่ 0.9116 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของศุกร์ที่ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.61% แตะที่ 0.7122 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7166 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จากมิซูโฮ คอร์ปอเรท แบงค์ กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ร่วงลง จึงเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย โดยกระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นแม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ของสหรัฐเดือนพ.ย.ลดลง 11,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ย.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ จะดีดตัวขึ้น 0.7% ซึ่งจะทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากผู้บริโภคสหรัฐมีแนวโน้มใช้จ่ายมากขึ้นจนถึงปีหน้า

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 7 ธค.




Pivot: 1.4925

คำแนะนำ : Short ที่ต่ำกว่า 1.4925 targets @ 1.48 & 1.4765

หากผ่านเหนือระดับ 1.4925 จะไปที่เป้าหมาย 1.4970 & 1.5000

ข้อสังเกต: ถึงแม้ว่าจะยังไม่รีบาวน์ในทางเทคนิคกลับไปได้ แต่การลงต่อก็ยังคงจำกัด

Key levels
1.5
1.497
1.4925
1.4852 last
1.48
1.4765
1.4735

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โบรกเกอร์ไหนดี รับโบนัส 15% ทุกครั้ง โบรกเกอร์สำหรับคนทุนน้อย ด้วย Leverage 1:1000

พวกเรามักจะมองหาโบรกเกอร์ไหนดี แล้วลองๆ ดูไปเรื่อยๆ ผมก็เหมือนกันครับ ค้นหามาตลอด แต่ก็มีที่ชอบอยู่บางที่

ที่ Exness เป็นที่ที่น่าสนใจมาก
ลองดูตามรายละเอียดข้างล่างครับ

แนะนำโบรกเกอร์สัญชาติรัสเซีย ที่เหมาะสำหรับคนทุนน้อย
บริษัท Exness
ข้อดีเท่าที่ทดลองใช้งานคือ
1. สมัครง่าย ไม่ต้องใช้เอกสารดูรายละเอียดและทดลองใช้งานหรือสมัครได้ที่ https://www.exness.com/a/2635
2. ใช้ MT4 ด้วยจุดทศนิยม 5 จุด ทำให้เทรดได้ละเอียดกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป
3. ตั้งเป้าได้ที่ระยะห่างจากจุดปัจจุบันไม่จำกัด (บางโบรกจำกัดที่ต้องเกิน 10 จุด)
4. สเปรดต่ำ (1 จุด ขึ้นไป สำหรับ อียู) และลอยตัวตามสภาวะตลาด เหมือนระบบ ECN ทำให้คนที่เทรดสั้นได้สะดวกมากขึ้น
5. Leverage 1:1000 ทำให้ใช้ทุนน้อยมากเช่น เทรดจุดละ 1 ดอล ใช้ทุนประมาณ 15 ดอล เท่านั้นขณะที่โบรก อื่นๆ ใช้ทุนประมาณ 30 ดอล ที่ Leverage 1:500
6. เทรดขั้นต่ำได้ที่ 0.01 ลอต หรือจุดละ 0.1 ดอลสัดส่วนการเทรดเหมือนกับบัญชีดอลเช่น 0.1 ลอต คือ จุดละ 1 ดอล
7. ฝากขั้นต่ำครั้งแรกเพียง 10 ดอล (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น 100 ดอลแล้ว)
8. ถอนไวมาก LR และ WMZ ถอนได้ทันที real time (บางครั้งอาจรอไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เมื่อบัญชีถอนออกมามากกว่าทุนแล้ว)ไม่ต้องรอข้ามวันเหมือนที่อื่น โดยถอนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่
9. มีโบนัสตอนฝากเข้าทุกครั้ง 25%

ทดลองสมัครและใช้งานได้ที่ https://www.exness.com/a/2635
(ขณะที่สมัครจะมีการยืนยันโดยใส่รหัสที่ได้รับจากอีเมล์ ส่วน รหัสจาก SMS ให้ใส่ด้วย และเลือก security ขั้นถัดไปเป็นแบบ SMS เพื่อใช้ในการถอนเงินภายหลัง)

หากต้องการใช้อินดิเคเตอร์และเทมเพลท สามารถส่งเมลมาขอได้ที่ forexnectura@gmail.com
รายละเอียดอินดิเคเตอร์และเทมเพลทอยู่ที่ลิงค์นี้ครับ http://forexnectura.blogspot.com/2009/09/13.html

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 3 ธค: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลังแบงค์ชาติยุโรปเล็งถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ย 1% และประกาศว่าจะเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าแบงค์ ออฟ อเมริกา เตรียมชำระคืนหนี้สินให้กับรัฐบาลส่งผลให้ดอลลาร์ถูกกดดันมากขึ้นด้วย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.19% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5073 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.5044 ยูโร/ดอลลาร์ และรูดลง 0.18% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9998 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0016 ฟรังค์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.43% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6562 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.6634 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่ฟื้นตัวขึ้น 0.83% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 88.180 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 87.450 ฟรังค์/ดอลลร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.01% แตะที่ 0.9250 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9249 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.06% แตะที่ 0.7224 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7220 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็น ประวัติการณ์ที่ 1% เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนที่ 0.25% และคงอัตราเงินกู้ที่ 1.75% นอกจากนี้ อีซีบีประกาศว่าจะเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า แบงค์ ออฟ อเมริกา ผู้ปล่อยกู้รายใหญ่สุดในสหรัฐ เตรียมจ่ายเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์คืนรัฐบาล ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารหลุดพ้นจากกฎการจ่ายค่าตอบแทนผู้บริหารที่เข้มงวดของรัฐบาล ทั้งนี้ การคืนเงินให้กับรัฐบาลจะช่วยให้ทางธนาคารสามารถหาผู้บริหารคนใหม่ได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ซีอีโอ เคนเนธ ดี. ลูวิส ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่าดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.หดตัวลงสู่ระดับ 48.7 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 50.6 จุด โดยดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคบริการ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จะอยู่ที่ระดับ 51.5 จุด
นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

World Markets 2 ธค: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานในเดือนพ.ย.ลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนัก ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq สามารถปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของดูไบ และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐจะลดลงในอัตราที่ช้าลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 18.90 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 10,452.68 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.38 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 1,109.24 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 9.22 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 2,185.03 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐหดตัวลง นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคเอกชนสหรัฐลดการจ้างงาน ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ( New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.77 ดอลลาร์ หรือกว่า 2% ปิดที่ระดับ 76.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.22-78.59 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง แม้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นก็ตาม สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,213.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 12.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,196.50-1,218.40 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้นแม้ตัวเลขจ้างงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอ่อนแอก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5043 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.5087 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.90% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.420 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 86.640 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0017 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9988 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6634 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6622 ปอนด์/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) โดยดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากราคาโลหะที่พุ่งขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ยูบีเอส เอจี คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นลอนดอนจะทะยานขึ้น 18% ภายในปลายปีหน้า
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 15.22 จุด แตะที่ 5,327.39 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,283.04-5,348.45 จุด

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 1 ธค : ดอลล์ร่วงหนัก หลังนลท.คลายกังวลปัญหาหนี้ดูไบ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องปัญหาดูไบ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน และธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.5082 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ระดับ 1.5007 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.98% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6613 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6452 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.58% เมื่อเทียบกับฟรังค์ที่ 0.9991 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0049 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 86.730 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 86.340 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.05% แตะที่ 0.9246 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9150 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 1.43% แตะที่ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7154 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าอัตราว่างงานในเดือนต.ค.ทรงตัวอยู่ที่ 9.8% น้อยกว่าอัตราว่างงานในสหรัฐซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% นอกจากนี้ การที่ปัญหาการเงินในดูไบเริ่มคลี่คลายลงได้ทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหันไปถือครองสกุลเงินที่มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า
บริษัท ดูไบ เวิล์ด ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้เริ่มเจรจากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงตราสารหนี้อิสลามมูลค่าราว 3.6 พันล้านดอลลาร์ที่ออกโดยนาคีล เวิลด์ บริษัทในเครือซึ่งเป็นผู้พัฒนาคฤหาสถ์หรูหราบนหมู่เกาะรูปต้นปาล์ม
ความตึงเครียดเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินดูไบเริ่มคลี่คลายลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางยูเออีจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิล์ด ขณะที่ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในยูเออี รวมถึงดูไบ มีอยู่เพียง 9.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับธนาคารในยุโรปที่ได้รับความเสียหายมากกว่าเกือบ 9 เท่า
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแข็งแกร่งหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ควบคู่ไปกับการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉิน เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 1 ธค.: คลายวิตกปัญหาดูไบ-ยอดขายบ้านพุ่ง หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 126.74 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลบเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินในดูไบ หลังจากมีรายงานว่าบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ เริ่มเจรจากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทะยานขึ้น และยอดขายบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้กระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 126.74 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 10,471.58 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 13.23 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 1,108.86 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 31.21 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 2,175.81 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.13 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.19 พันล้านหุ้น
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจาก ดูไบ เวิล์ด ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้เริ่มเจรจากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงตราสารหนี้อิสลามมูลค่าราว 3.6 พันล้านดอลลาร์ที่ออกโดยนาคีล เวิลด์ บริษัทในเครือซึ่งเป็นผู้พัฒนาคฤหาสถ์หรูหราบนหมู่เกาะรูปต้นปาล์ม
กระแสความตึงเครียดเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินดูไบเริ่มคลี่คลายลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางยูเออีจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิล์ด โดยธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ดูไบ เวิลด์ รวมถึงธนาคาร HSBC, ธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ส
ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) และสมาคมธนาคารแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บ่งชี้ว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในยูเออี รวมถึงดูไบ มีอยู่เพียง 9.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับธนาคารในยุโรปที่ได้รับความเสียหายมากกว่าเกือบ 9 เท่า
นักลงทุนขานรับข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 3.7% แตะที่ 114.1 จุด ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.8%
การร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทะยานขึ้น โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ปิดบวก 2.2% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ปิดพุ่ง 1.3% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ ดีดขึ้น 1.2%
ส่วนยอดขายบ้านที่ดีดตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านพุ่งขึ้นย โดยหุ้นเบเซอร์ โฮมส์ ยูเอสเอ ปิดบวก 3.7% และหุ้นพัลท์ โฮมส์ ปิดบวก 1.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย. และเฟดจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 30 พย.: ดาวโจนส์ปิดบวก 34.92 จุด หลังแบงค์ชาติ UAE ยื่นมือแก้ปัญหาหนี้ดูไบ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากปัญหาหนี้สินของดูไบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องอัตราว่างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค แม้มีรายงานว่ายอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 34.92 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 10,344.84 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.14 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 1,095.63 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 6.16 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 2,144.60 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.35 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 18 ต่อ 13 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.02 พันล้านหุ้น
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินในดูไบหลังจากธนาคารกลางยูเออีประกาศให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารภายในประเทศและธนาคารต่างชาติ ด้วยการประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ โดยธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ดูไบ เวิลด์ รวมถึงธนาคาร HSBC, ธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ส
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วโลกตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่าบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวม 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี
อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนตัวผันผวนตลอดวันเนื่องจากความกังวลเรื่องอัตราว่างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค แม้สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) รายงานว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.12 หมื่นล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจำนวนผู้ที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยตามร้านค้าและผู้ที่ซื้อของทางเว็บไซท์ในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าพุ่งขึ้นเป็น 195 ล้านคน จากปีที่แล้วที่ระดับ 172 ล้านคน
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นเมซีปิดลบ 3.9% หุ้นทาร์เก็ต กรุ๊ปปิดร่วง 2.4% หุ้นแซคส์ อิงค์ ปิดลบ 6.4% แต่หุ้นค้าปลีกออนไลน์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอีเบย์ อิงค์ ปิดบวก 5.4% และหุ้นอเมซอนปิดพุ่ง 3.2%
นักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อนำมาเป็นปัจจัยประกอบการซื้อขาย โดยวันอังคาร สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค.
วันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย. และเฟดจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รับโบนัส 25% ทุกครั้ง โบรกเกอร์สำหรับคนทุนน้อย ด้วย Leverage 1:1000

ตั้งแต่ 27 พย.นี้ รับโบนัส 25% ทุกครั้งที่ฝากเข้า (สามารถสมัครใหม่ได้)

แนะนำโบรกเกอร์สัญชาติรัสเซีย ที่เหมาะสำหรับคนทุนน้อยบริษัท Exness
ข้อดีเท่าที่ทดลองใช้งานคือ

1. สมัครง่าย ไม่ต้องใช้เอกสารดูรายละเอียดและทดลองใช้งานหรือสมัครได้ที่ https://www.exness.com/a/18072. ใช้ MT4 ด้วยจุดทศนิยม 5 จุด ทำให้เทรดได้ละเอียดกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป
3. ตั้งเป้าได้ที่ระยะห่างจากจุดปัจจุบันไม่จำกัด (บางโบรกจำกัดที่ต้องเกิน 10 จุด)
4. สเปรดต่ำ (1 จุด ขึ้นไป สำหรับ อียู) และลอยตัวตามสภาวะตลาด เหมือนระบบ ECN ทำให้คนที่เทรดสั้นได้สะดวกมากขึ้น
3. Leverage 1:1000 ทำให้ใช้ทุนน้อยมากเช่น เทรดจุดละ 1 ดอล ใช้ทุนประมาณ 15 ดอล เท่านั้นขณะที่โบรก อื่นๆ ใช้ทุนประมาณ 30 ดอล ที่ Leverage 1:5004. เทรดขั้นต่ำได้ที่ 0.01 ลอต หรือจุดละ 0.1 ดอลสัดส่วนการเทรดเหมือนกับบัญชีดอลเช่น 0.1 ลอต คือ จุดละ 1 ดอล
5. ฝากขั้นต่ครั้งแรกเพียง 10 ดอล
6. รับโบนัส 25 % ทุกครั้งที่ฝาก เมื่อเริ่มสมัครตั้งแต่ 27 พย.นี้เป็นต้นไป (คนที่สมัครไปแล้วสามารถสมัครใหม่ได้ โดยใช้อีเมลใหม่)
7. ถอนไวมาก LR และ WMZ ถอนได้ทันที real time ไม่ต้องรอข้ามวันเหมือนที่อื่น โดยถอนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่
ทดลองสมัครและใช้งานได้ที่ https://www.exness.com/a/1807

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

World Markets 26 พย.: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงหนักสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ มีแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของดูไบ เวิลด์ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ดิ่งลง 170.68 จุด ปิดที่ 5,194.13 จุด
*หมายเหตุ: ตลาดหุ้นนิวยอร์ก, ตลาดน้ำมัน NYMEX, ตลาดทองคำนิวยอร์ก และตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

World Markets 25 พย: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยกระตุ้นภาวะการซื้อขายให้คึกคักขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 30.69 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 10,464.40 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,110.63 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 6.87 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 2,176.05 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.94 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.90-77.48 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) และทำสถิติปิดบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 27 ปี เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลง และจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางอินเดียอาจซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มขึ้นอีก สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,187.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.20 ดอลลาร์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,166.80-1,189.40 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลต่อสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ พร้อมกับยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.19% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5138 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4960 ยูโร/ดอลลาร์และดิ่งลง 1.40% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 87.320 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.560 เยน/ดอลลาร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ร่วงลง 1.27% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9962 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0090 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6713 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6573 ปอนด์/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากทางการอังกฤษรายงานว่าตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 หดตัวน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดขายบ้านของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 40.85 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,364.81 จุด

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 26 พย.


Pivot: 1.5060
คำแนะนำ : Long เหนือราคา 1.506 targets @ 1.516 & 1.5205
หากราคาต่ำกว่า 1.506 เป้าหมายคือ 1.5017 & 1.4990
ข้อสังเกต: RSI ทิศทางข้น
Key levels
1.5280
1.5205
1.5160
1.5135 last
1.5060
1.5017
1.4990

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 26 พย.: ดาวโจนส์ปิดบวก 30.69 จุด หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจสดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยกระตุ้นภาวะการซื้อขายให้คึกคักขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 30.69 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 10,464.40 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 1,110.63 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 6.87 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 2,176.05 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 795 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.41 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานลดลง 35,000 รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหลือเพียง 466,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ทั้งนี้ แม้ตัวเลขว่างงานที่ลดลงบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานในสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากอัตราว่างงานในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกจนถึงต้นปีหน้า
ขณะเดียวกันสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 6.2% แตะระดับ 430,000 ยูนิต/ปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% แตะที่ 405,000 ยูนิต/ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนต.ค.ที่ดีดตัวขึ้น 0.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากร่วงลง 0.6% ในเดือนก.ย. โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้โครงการนำรถยนต์เก่าแลกรถใหม่ ซึ่งช่วยให้ชาวอเมริกันมีกำลังซื้อมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดบวกไม่มากนักเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้นั้นค่อนข้างผันผวน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ดิ่งลง 0.6% ทำสถิติลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%
นักวิเคราะห์หลายคนในย่านวอลล์สตรีทแสดงความเห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนและถอยร่นลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวันก็เพราะนักลงทุนยังคงไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% ในขณะนี้
กระแสความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมายอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของเฟดอาจก่อให้เกิดการเก็งกำไรที่รุนแรงในตลาดการเงิน และอาจขัดขวางเป้าหมายเงินเฟ้อต่ำของเฟด อย่างไรก็ตาม เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2553 และ 2554 ดดยคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ช่วง 9.3 - 9.7% ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 9.5 - 9.8%
สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้นหลังจากบริษัท ทิฟฟานี แอนด์ โค เปิดเผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยหุ้นทิฟฟานีปิดพุ่ง 4.9% หุ้นแซคส์ ปิดบวก 5.2% หุ้นนอร์ดสตร็อมปิดพุ่ง 3.4%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย.เนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.นี้

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 25 พย.

Pivot: 1.5000
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.5000 targets @ 1.492 & 1.489
หากราคาผ่านเหนือ1.5000 เป้าหมายคือ 1.5020 & 1.5050

ข้อสังเกต: แรงขาขึ้นติดอยู่ที่แนวต้าน 1.5000

Key levels
1.5050
1.5020
1.5000
1.4962 last
1.4920
1.4890
1.4850

World Markets 24 พย.: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ตลาดติดลบไม่มากนักหลังจากสหรัฐเปิดเผยราคาบ้านใน 20 เขตเมืองที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มในภาคอสังหาริมทรัพย์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 17.24 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 10,433.71 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.59 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,105.65 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 6.83 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 2,169.18 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจและดีมานด์พลังงานในสหรัฐ นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงด้วย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.45-76.45 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรและเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจยังผันผวน โดยสัญญาทองคำยังคงปิดบวกได้แม้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งฉุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆร่วงลงด้วยก็ตาม
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,165.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,157.70-1,171.70 ดอลลาร์
-- ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกรายงานบ่งชี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4960 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4965 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.22% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6572 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6609 ปอนด์/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.44% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.560 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 88.950 เยน/ดอลลาร์ และรูดลง 0.04% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0090 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0094 ฟรังค์/ดอลลาร์
-- FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ลดลงจากการประมาณการครั้งก่อน ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ในตลาดหุ้นลอนดอน
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 31.54 จุด แตะที่ 5,323.96 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,309.13-5,374.89 จุด

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 132.79 จุด หลังยอดขายบ้านมือสองสหรัฐพุ่งเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) ขานรับยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ นอกจากนี้ การอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจีดีพีและตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 132.79 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 10,450.95 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 14.86 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 1,106.24 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 29.97 จุด หรือ 1.40% ปิดที่ 2,176.01 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 980 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.86 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 10.1% แตะระดับ 6.10 ล้านยูนิตต่อปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3% จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 5.54 ล้านยูนิตต่อปี โดยยอดขายเดือนต.ค.ถือเป็นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2550
ไมเคิล โมแรน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ไดวา ซีเคียวริตี้ อเมริกา อิงค์ในนิวยอร์กกล่าวราคาบ้านที่ถูกลง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยนโยบายลดหย่อนภาษี 8 พันดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.จากก่อนหน้านี้ที่จะครบกำหนดหมดอายุในสิ้นเดือนนี้ ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญภาวะซบเซา อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้มากหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเลขจ้างงานและอัตราการยึดบ้านหลุดจำนอง
การพุ่งขึ้นของยอดขายบ้านมือสองช่วยหนุนหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านทะยานขึ้นด้วย โดยหุ้นดี.อาร์. ฮอร์ตันพุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นเอ็มดีซี โฮลดิงส์ อิงค์ทะยานขึ้น 1.1%
นอกจากนี้ การร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์ได้ช่วยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันดิบและทองคำทะยานขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่พยุงหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ทะยานขึ้นด้วย โดยราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดีดขึ้น 9 เซนต์ แตะที่ 77.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งช่วยหนุนหุ้นเชฟรอน คอร์ป ปิดพุ่ง 2.6% หุ้นวีเยอร์ฮอเซอร์ โค ปิดบวก 3.3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญสหรัฐในสัปดาห์นี้ วันอังคาร กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพีประจำไตรมาส 3 ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.ย. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.
วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนต.ค. รวมทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.
ส่วนวันพฤหัสบดี ตลาดหุ้น ตลาดการเงิน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐจะปิดทำการเนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) และวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากหน่วยงานของรัฐ

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

World Markets20 พย.: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างเดลล์และบริษัทรับสร้างบ้านอย่างดี.อาร์. ฮอร์ตัน อิงค์ รายงานตัวเลขรายได้ที่อ่อนตัวลง รวมทั้งการธนาคารกลางยุโรปประกาศว่าจะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนตัวและเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.อ่อนตัวลง 74 เซนต์ ปิดที่ 76.72ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.06-79.87 ดอลลาร์ โดยสัญญาเดือนธ.ค.จะครบกำหนดส่งมอบในวันศุกร์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกต่อเนื่องเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) แม้ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น ขณะนักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,146.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,132.50 - 1,148.50 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) หลังจากนักลงทุนเทขายหุ้นและหันเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่จะถึงช่วงสิ้นปี
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4860 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4918 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนค่าลง 0.41% แตะที่ 1.0174 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0132 ฟรังค์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.94% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6502 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.6658 ปอนด์/ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.970 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.030 เยนต่อดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดอ่อนตัวลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) หลังจากที่มอร์แกนสแตนลีย์ได้ลดอันดับหุ้นโทมัส คุค กรุ๊ป และ Tui Travel ประกอบการนักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อาจจะสะดุดลง บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 อ่อนตัวลง 16.29 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 5,251.41 จุด

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แนะนำโบรกเกอร์สำหรับคนทุนน้อย ด้วย Leverage 1:1000

แนะนำโบรกเกอร์สัญชาติรัสเซีย ที่เหมาะสำหรับคนทุนน้อย
บริษัท Exness
ข้อดีเท่าที่ทดลองใช้งานคือ
1. สมัครง่าย ไม่ต้องใช้เอกสารดูรายละเอียดและทดลองใช้งานหรือสมัครได้ที่ https://www.exness.com/a/1807
2. ใช้ MT4 ด้วยจุดทศนิยม 5 จุด ทำให้เทรดได้ละเอียดกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป
3. ตั้งเป้าได้ที่ระยะห่างจากจุดปัจจุบันไม่จำกัด (บางโบรกจำกัดที่ต้องเกิน 10 จุด)
4. สเปรดต่ำ (1 จุด ขึ้นไป สำหรับ อียู) และลอยตัวตามสภาวะตลาด เหมือนระบบ ECN ทำให้คนที่เทรดสั้นได้สะดวกมากขึ้น
3. Leverage 1:1000 ทำให้ใช้ทุนน้อยมาก
เช่น เทรดจุดละ 1 ดอล ใช้ทุนประมาณ 15 ดอล เท่านั้น
ขณะที่โบรก อื่นๆ ใช้ทุนประมาณ 30 ดอล ที่ Leverage 1:500
4. เทรดขั้นต่ำได้ที่ 0.01 ลอต หรือจุดละ 0.1 ดอลสัดส่วนการเทรดเหมือนกับบัญชีดอล
เช่น 0.1 ลอต คือ จุดละ 1 ดอล
5. ฝากขั้นต่ครั้งแรกเพียง 10 ดอล
6. รับโบนัส 15 % ทุกครั้งที่ฝาก (โบนัสจะถอนออกไม่ได้ ใช้สำหรับเทรดเท่านั้น)
7. ถอนไวมาก LR และ WMZ แทบจะ real time ไม่ต้องรอข้ามวัน เท่าที่ทดลองใช้เวลา 10 นาที - 1 ชม. โดยถอนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ทำงานเหมือนที่อื่นๆ ข้ามวัน
หากติดขัดก็สามารถเข้าไปแจ้งที่ live support ให้ดำเนินการได้ทันที

ทดลองสมัครและใช้งานได้ที่ https://www.exness.com/a/1807

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 20 พย.

Pivot: 1.493
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4930 targets @ 1.4840 & 1.4810
หากราคาผ่าน 1.4930 เป้าหมายคือ 1.498 & 1.5017

ข้อสังเกต: ราคากำลังทดสอบแนวรับ, RSI กำลังจะลง

Key levels
1.5017
1.4980
1.4930
1.4914 last
1.4840
1.4810
1.4750

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก19 พย.: ดอลล์พุ่งเทียบสกุลเงินหลักๆ หลังข้อมูลศก.อ่อนแอหนุนนลท.แห่ซื้อดอลล์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมถึงดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดและยอดการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านร่วงลงหนักสุดในรอบ 12 ปี ซึ่งกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจยังเปราะบาง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.32% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4916 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4964 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.38% แตะที่ 1.0133 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0095 ฟรังค์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.51% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6657 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.6743 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่ดอลลาร์ร่วงลง 0.40% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.010 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.370 เยนต่อดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.12% แตะที่ 0.9190 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9294 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.98% แตะที่ 0.7311 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7459 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เดวิด กิลมอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Foreign Exchange Analytics ในรัฐคอนเน็กติกัตของสหรัฐกล่าวกับเอพีว่า "นักลงทุนเริ่มขาดความเชื่อมั่นเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จึงเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากมีข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า รวมถึงข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ"
สมาคมธนาคารเพื่อการจำนองของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านในรอบสัปดาห์ที่แล้วดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี แม้อัตราดอกเบี้ยจำนองระยะ 30 ปีร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนก็ตาม ขณะที่ตัวเลขการสร้างบ้านเดือนต.ค.ของสหรัฐร่วงลง 10.6% แตะที่ 529,000 ยูนิต/ปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7%
สำนักงานคอนเฟอเรอนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ 103.8 จุด ซึ่งแม้ว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2550 แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อภาคการธนาคารของสหรัฐ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกแถลงการณ์ทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก โดยมูดีส์อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ด้อยสิทธิและตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (hybrid) จำนวน 775 รายการที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ 170 แห่ง ใน 36 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวมกัน ราว 4.50 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงตราสารหนี้ที่ออกโดยโกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
องค์การความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ออกรายงานคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางที่สำคัญของโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะยังไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยจนถึงช่วงปลายปี 2553
ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป โกลบอล มาร์เก็ตส์ เจแปน อิงค์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังตกอยู่ในภาวะเงินฝืด ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีดิ่งลงแตะระดับ 1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 19 พย.

Pivot: 1.4925
คำแนะนำ: Short ต่ำกว่า 1.4925 เป้าหมาย @ 1.4810 & 1.4750
หากผ่านเหนือ 1.4925 จะไปที่เป้าหมายด้านบน 1.5000 & 1.5050
ข้อสังเกต: ราคายังอยู่ในกรอบขาลง bearish channel และน่าจะลงไปที่แนวรับถัดไป

Key levels
1.5050
1.5000
1.4925
1.4868 last
1.4810
1.4750
1.4700

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 18 พย.: ดอลล์ร่วง หลังผู้ว่าการ FED ส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยต่ำถึงปี 55

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณว่าคณะกรรมการเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2555 ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะส่งผลให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าน้อยลง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.67% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4966 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4867 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.66% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0094 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0161 ฟรังค์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ร่วงลง 0.40% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6745 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.6813 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่กระเตื้องขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.360 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.320 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.12% แตะที่ 0.9296 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9307 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.12% แตะที่ 0.7464 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7455 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไบรอัน คิม นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านปริวรรตเงินตราจากธนาคาร UBS AG ในเมืองสแตมฟอร์ด กล่าวกับเอพีว่า "นักลงทุนกระหน่ำขายดอลลาร์หลังจากนายบุลลาร์ดกล่าวว่าคกรรมการเฟดอาจจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2555 ซึ่งหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ของสหรัฐจะยืนอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปีดังกล่าว ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเช่นนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลงด้วย"
อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐกำลังทำให้เกิดกระแสการระดมทุนทั่วโลกในรูปของการทำ carry trade หรือการกู้ยืมเงินดอลลาร์มาซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการที่นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ 0% นั้น อาจทำให้ปัจจัยพื้นฐานตลาดปริวรรตเงินตราถูกบิดเบือนไป
ด้านนายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และนายหลิว หมิงกัง ผู้อำนวยการฝ่ายกำหนดนโยบายด้านการธนาคารของจีน มีความเห็นที่สอดคล้องกันว่า นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของเฟดกำลังส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรในรูปการทำอาร์บิทราจสกุลเงินดอลลาร์ (หรือการหากำไรจากการซื้อขายในเวลาเดียวกัน แต่ต่างตลาดกัน) และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อด้านสินทรัพย์ ซึ่งผลที่ตามมาคือการขัดขวางกระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโกค (CPI) เดือนต.ค.พุ่งขึ้น 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%

World Markets 18 พย.: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเผยตัวเลขการสร้างบ้านที่ลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากบริษัทเทคโนโลยีที่ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์รูดลง 11.11 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 10,426.31 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.52 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,109.80 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 10.64 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 2,193.14 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งสหรัฐ (AAA) คาดการณ์ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่จะนำรถยนต์ออกไปขับขี่บนทางหลวงจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงวันหยุดสัปดาห์หน้า เนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า)
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ดีดขึ้น 44 เซนต์ ปิดที่ 79.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 78.67-80.33 ดอลลาร์ ซึ่งสัญญาน้ำมันดิบเดือนธ.ค.จะครบกำหนดส่งมอบในวันศุกร์นี้
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) โดยในระหว่างวันสัญญาทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,141.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,136-1,153.40 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณว่าคณะกรรมการเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2555 ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะส่งผลให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าน้อยลง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.67% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4966 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4867 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.66% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0094 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0161 ฟรังค์/ดอลลาร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ร่วงลง 0.40% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6745 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.6813 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่กระเตื้องขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.360 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.320 เยน/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสร้างบ้านที่ร่วงลงสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย ดัชนี FTSE 100 ขยับลง 3.80 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 5,342.13 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,331.64-5,372.10 จุด

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

World Markets 17พย.: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

_
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกล่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์บวกเพียงเล็กน้อยและภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด และบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รวมถึง โฮมดีโปท์ ปรับลดคาดการณ์ยอดขายช่วงปลายปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 30.46 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 10,437.42 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 1.02 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 1,110.32 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 5.93 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 2,203.78 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ และติดตามความเคลื่อนไหวของพายุเฮอร์ริเคน"ไอด้า" สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดตลาดที่ 79.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 2.65 เซนต์ ปิดที่ 2.0585 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.81 เซนต์ ปิดที่ 2.0049 ดอลลาร์/แกลลอน
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะมีธนาคารกลางอีกหลายประเทศที่เข้าซื้อทองคำมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง หลังจากธนาคารกลางมอริเชียสและอินเดียได้เข้าซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้สัญญาทองคำปิดบวกเพียงเล็กน้อย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,139.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.00 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,127.80-1,142.00 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ร่วมสนับสนุนนโยบายดอลลาร์แข็งค่าเช่นเดียวกับนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.69% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ 1.4867 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4971 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.280 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.110 เยน/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด และเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยง ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 36.74 จุด ปิดที่ 5,345.93 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,337.01-5,382.67 จุด

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 17 พย.



Pivot: 1.502
คำแนะนำ : Short positions ต่ำกว่า 1.502 targets @ 1.4880 & 1.4825
ถ้าทะลุเหนือ 1.502 เป้าหมายคือ1.5050 & 1.5115
ข้อสังเกต : ราคาได้ทะลุต่ำกว่า channel support.
หากราคาผ่านแนวรับ 1.4880 จะทำให้เป็นขาลง
Key levels
1.5115
1.5050
1.5020
1.4975
last 1.4880
1.4825
1.4740