วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

8 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจคืนนี้ ทองทะยานกว่า $1,800 ตลาดสหรัฐเตรียมเปิดแดนผสม

กราฟทองคำ 8 ก.ค.


ทองคำมีโอกาสทำรูปแบบ Head and Shoulder ซึ่งมีโอกาสกลับตัวได้ เนื่องจากเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี
แนะนำ  Sell โดยมี SL เหนือแนวต้าน 1800 เช่น SL 1805-1810   หรือรอ Sell บริเวณไหล่ขวาโซน  1790 


8 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจเช้านี้ ตลาดทรงตัวราชอาณาจักรเตรียมประกาศงบประมาณกระตุ้นตัวใหม่

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

นิวยอร์ก’ ปลด Lockdown เฟส 3 แล้ว !! หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว

นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า #นิวยอร์กจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการเปิดเมืองระยะที่ 3 แล้ว
.
👉🏻👉🏻ร้านทำเล็บ และร้านการบริการดูแลส่วนบุคคล เช่น สปา ห้องอบผิวแทน ร้านทำผม ร้านสัก และพื้นที่นันทนาการกลางแจ้ง ได้มีการอนุญาติให้เปิดดำเนินการตามปกติได้แล้ว
.
⛔️...แต่จะยังไม่อนุญาตให้มีการรับประทานอาหารภายในร้านอาหารที่เป็นพื้นที่ปิด ซึ่งนิวยอร์กเคยเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ระดับโลก⛔️ #นิวยอร์กจะเริ่มเปิดเมืองระยะที่ 3 ในวันจันทร์ที่ 6 ก.ค.นี้
.
==============
📌ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ยังเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป เช่น..
⚠️#การเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing)
⚠️#การใช้เจลทำความสะอาดมือ
⚠️#การสวมหน้ากากอนามัย
.
📌ทั้งยังสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นรักษาหน้าที่ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดเมืองจะดำเนินไปด้วยความปลอดภัย
.
==============
👉🏻👉🏻อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นครนิวยอร์ก ได้มีการเปิดตัวแผนริเริ่มการรับประทานอาหารกลางแจ้ง โดยจะจัดร้านอาหารกลางแจ้งบนถนนคนเดิน 22 สายของเมือง เพื่อส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารท้องถิ่น
.
.
ทั้งนี้การปลดล็อกเฟส 3 #อาจช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ มากยิ่งขึ้น และตัวเลขคนทำงานอาจเริ่มกลับมาดีขึ้น
.
 #สัปดาห์นี้อาจจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง #ดัชนีดอลล่าร์ยังอยู่ในกรอบทิศทางขาลง
.
ปัจจัยนี้ มีแนวโน้มอาจทำให้มุมมองของนักลงทุน ถือครองเงินสดน้อยลง และย้ายเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นมากยิ่งขึ้น
.
==============
Source : https://www.nytimes.com/…/nyc-phase-3-reopening-coronavirus… , https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/888138…
เรียบเรียงโดย : พอร์ตฟ้า Society
JamesBond รายงาน
สนับสนุนเราโดยเปิดบัญชีเทรด สเปรดต่ำ ฝากถอนไว ได้ที่ 
1. Exness :  https://www.exness.com/a/uh16i33c เทรดได้ทั้ง Crypto ทอง และ Forex

7 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจเช้านี้ แถลงการณ์ AUD จีนพร้อมโต้เรือสหรัฐ

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

สรุปมุมมองจากนักวิเคราะห์ต่างๆทั่วโลก

#เศรษฐกิจโลกในยุคไวรัสโควิด ขาลงนั้นเปรียบเสมือนการลงลิฟต์แต่ขาขึ้นนั้นกลับต้องค่อยๆขึ้นบันได...
นั้นคือคำพูดสรุปของมุมมองจากนักวิเคราะห์ต่างๆทั่วโลก ที่ยิ่งวันยิ่งรู้สึกว่าความหวังของการรีบาวด์รูปตัว V-Shape กำลังจางหายไป มุมมองต่างๆกำลังเริ่มเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจคงยังไม่ฟื้นกลับมาถึงจุดเดิมจนกว่าจะถึงอีก 2 ปีหน้าหรือในปี 2022
📝 เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2020 และก็ยังคงถูกกดดันอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด โดยไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนเลยที่เชื่อว่าจะเกิดการฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมในปีนี้ได้ และหากจะกลับมาเหมือนเดิมได้ในปีหน้า (2021) ก็ต้องมีหลายๆอย่างที่ต้องเกิดขึ้นอย่างถูกต้องตามแผนเป๊ะๆ #แต่การที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนภายใต้ภาวะไม่แน่นอนของไวรัสนั้น ช่างเป็นสิ่งที่ยากลำบากเหลือเกิน
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีนั้น นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เคยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะต้องขยายตัวอย่างสดใสแน่ๆ เพราะข้อตกลงทางการค้าของสหรัฐและจีนนั้นเพิ่งเซ็นกันไปสำเร็จ หลังจากที่สงครามการค้านั้นกดดันเศรษฐกิจโลกมาตลอดเกือบปีครึ่ง
แต่... การระบาดของไวรัสที่ไม่มีใครคาดคิดนั้นได้ทำลายความหวังของนักลงทุนไปอย่างสิ้นเชิง ทางเดียวที่โลกจะป้องกันโรคระบาดที่ไม่เคยพบเจอนี้ได้ก็คือการทำ 'The Great Lockdown' หรือการปิดเมืองปิดประเทศเพื่อควบคุมไม่ให้มีการระบาดของไวรัส
การหยุดชะงักของเศรษฐกิจโลกแบบปิดสวิตช์นั้นบังคับให้ธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกตอบโต้ด้วยการอัดฉีดเงินหลายล้านล้านเหรียญเข้าไปในระบบการเงิน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดแบบที่โลกไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นทางเดียวที่จะทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบการเงินและบริษัทต่างๆนั้นล้มละลาย และคงต้องให้ความช่วยเหลือไปยาวๆจนกว่าไวรัสระบาดจะกลายเป็นอดีต
ถึงแม้จะได้รับการช่วยเหลือเหล่านี้ แต่โลกก็ยังคงต้องประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิด The Great Depression หรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อเกือบ 100 ปีก่อน...
1️⃣ การ Rebound กับ Recovery นั้นต่างกัน
ถึงแม้ว่าหลังจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบจะช่วยให้ตัวเลขเศรษฐกิจในบางส่วนนั้นดีขึ้น สายป่านของบริษัทต่างๆที่ยาวขึ้นประกอบกับการปลดคลาย Lock Down เริ่มทำให้ยอดการผลิตและการค้าปลีกในบางประเทศนั้นดีดตัวกลับมาได้คล้ายๆกับรูปตัว V และได้สร้างความหวังและความมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกครั้ง
แต่... นาย Carmen Reinhart หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกได้กล่าว “อย่าสับสนรหหว่างการดีดกลับ (Rebound) กับ การฟื้นตัว (Recovery) เพราะทั้ง 2 อย่างนั้นต่างกัน การดีดกลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น แต่การฟื้นตัวอย่างแท้จริงนั้นหมายว่าเราต้องกลับไปอยู่ในจุดที่เหมือนก่อนวิกฤตเริ่มต้นขึ้น และ #ผมคิดว่าเรายังอยู่ไกลมากจากจุดนั้น
2️⃣ เวลาแห่งความไม่แน่นอน (Uncertain Times)
การฟื้นตัวอย่างแท้จริงนั้นฝากความหวังหลักๆไว้กับการควบคุมการระบาดของไวรัสและการผลิตวัคซีน แต่ถามว่าโลกเรานั้นเข้าใจถึงไวรัสนี้อย่างถ่องแท้ที่จะมั่นใจได้ว่าจะมีวัคซีนมาใช้ในปีหน้าแล้วหรือ ? องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงเตือนว่าการระบาดครั้งใหญ่ยังคงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะนี้โลกเรามีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 11.3 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 5.3 แสนรายไปแล้ว และแม้แต่ในประเทศที่มีเราคิดว่าเคยควบไวรัสไว้ได้แล้วก็ยังมีการระบาดปรากฏมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ...
3️⃣ มุมมองจาก IMF
กองทุนการเงินระหว่างประเทศนั้นคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ ยังจะมีประเทศอีกกว่า 170 ประเทศหรือเกือบ 90% ของประเทศทั่วโลก ที่ประชาชนยังคงจะมีรายได้ต่อหัวต่ำกว่าช่วงต้นปีนี้ก่อนที่จะเกิดไวรัสระบาด หรือเป็นภาพที่กลับหัวอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ช่วงต้นปีทาง IMF นั้นมองว่าจะมี 160 ประเทศที่รายได้ต่อหัวในปีนี้จะโตสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว
3️⃣ มุมมองจาก HSBC
ยังคงเชื่อว่า GDP ของโลกโดยรวมเมื่อสิ้นสุดปีหน้านั้นยังจะยังคงต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้ว หรือสรุปง่ายๆว่า #ต่อให้ใช้เวลาถึง2ปีเศรษฐกิจโลกก็คงจะยังไม่กลับมาเหมือนจุดเดิม ทาง Janet Henry นักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC กล่าวจากตัวเลขคาดการณ์ GDP ของทางสถาบัน
4️⃣ มุมมองจากผู้นำธนาคารกลางต่างๆของโลก
ธนาคารกลางทั่วโลกส่วนมากยังคงไม่ #การ์ดตก โดยทาง Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้เตือนว่า “สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง” และทางด้าน Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรปก็เห็นด้วยและได้เสริมว่า "การฟื้นตัวกำลังถูกจำกัด” ซึ่งบางส่วนอาจจะเปลี่ยนรูปแบบของเศรษฐกิจยุโรปไปอย่างถาวร
5️⃣ นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg
6 เดือนที่แล้ว Covid-19 ไม่ได้อยู่ในเรดาร์ของใครเลย ! สามเดือนต่อมามีความหวังว่าเราจะควบคุมมันได้ยังคงมีอยู่ ... แต่ตอนนี้หลายฝ่ายเริ่มเข้าใจแล้วว่าการระบาดใหญ่นั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และการที่จะให้กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมนั้นอาจต้องพึ่งวัคซีนเป็นหลัก
ถึงแม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเข้มจ้น แต่ผลกระทบที่เกิดจากการว่างงานสูงและความไม่แน่นอนนั้นทำให้ทางเราต้องปรับลดประมาณการ GDP ของทั้งปี 2020 และ 2021 ลง
ประเทศทางแถบเอเชียเป็นประเทศแรกๆที่สามารถควบคุมไวรัสระบาดได้ แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศที่ควบคุมได้นั้นยังคงแตกต่างกันไป ทางด้านจีนนั้นดูเหมือนเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจทางเกาหลีใต้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และที่สำคัฐทั้งสองประเทศที่กลับมาเปิดเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งนั้นก็ยังคงเกิดเหตุระบาดใหม่ๆอยู่เป็นหย่อมๆ ทำให้ความไม่แน่นอนยังคงสูง
7️⃣ การฟื้นตัวดูเหมือนจะเป็นตัว #W เสียมากกว่า
การฟื้นตัวรูปแบบ V ที่ทุกคนคาดหวังกำลังหดหายไป และการฟื้นตัวแบบ W นั้นดูเหมือนจะเป็นไปได้มากกว่า เพราะความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ยังหลงเหลืออยู่ในตลาดนั้นอาจจะยังอยู่กับเราไปอีกอย่างน้อยถึงสิ้นสุดปี 2021
8️⃣ World Bank เป็นห่วงระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
ธนาคารโลกนั้นเป็นห่วงกลุ่ม Emerging Market มากที่สุด เพราะหลายๆประเทศอาจจะไม่ได้มีสายป่านทางการเงินที่ยาวพอจะรับมือกับการปิดประเทศได้นานเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยทางธนาคารโลกคาดว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้ที่เคยเป็นตัวนำในการดึงเศรษฐกิจโลกให้โตนั้น จะมี GDP หดตัวที่ -2.5% หรือเป็นการลดลงโดยรวมที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
9️⃣ การจ้างงานจะหายไป #400ล้านตำแหน่งทั่วโลก
ตัวเลขคนตกงานที่เราอาจชินคือ 40 ล้านรายในสหรัฐ แต่หากนับจำนวนคนที่อาจตกงานในวิกฤตครั้งนี้นั้นแาจจะมีสูงกว่านั้นถึง 10 เท่า ! หากรวมผู้ตกงานทั่วโลก ทางด้านองค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ International Labour Organization ได้ออกมาให้ตัวเลขคาดการณ์นี้
นี่ยังคงเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเพราะนักวิเคราะห์หลายๆคนนั้นยังมองไม่ออกถึงผลกระทบที่แท้จริง โดยทาง Alicia Garcia Herrero หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Natixis ได้กล่าวไว้ว่า "การที่ธนาคารกลางออกมาให้บริษัทต่างๆกู้ยืมเงินครั้งใหญ่นั้น จะต้องมีผลข้างเคียงแน่ๆ นอกจากหนี้ของธนาคารกลางจะสูงขึ้นแล้ว ประเทศต่างๆยังไม่แน่ใจว่าบริษัทไหนที่จะสามารถนำเงินกลับมาคืนในระบบได้"
ทาง Alicia ได้กล่าวว่าสิ่งที่น่ากลัวคือธนาคารกลางต่างๆ #อาจไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้เงินเลี่ยงบริษัทซอมบี้อยู่ ซึ่งการต่อชีวิตบริษัทเหล่านี้อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรต่อเศรษฐกิจโดยรวม
[ ที่มาและกราฟต่างๆรวมอยู่ในคอมเมนท์นะครับ ]
📌 และนี่ก็คือบทสรุปมุมมองเศรษฐกิจโลกจากนักวิเคราะห์ทั่วโลก
โดยทั้งหมดนั้นต่างเริ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “The crisis is far from over” หรือ #วิกฤติยังคงไม่จบง่ายๆในเร็วๆนี้แน่ นักลงทุนและพี่น้องทุกท่านคงต้องเตรียมตัวและรัดเข็มขัดกันต่อไปนะครับ อีก 18 เดือนข้างหน้านี้คงจะเป็นเวลาที่ลำบากกันแน่ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไรฉุดทองปิดร่วง 20.6 ดอลลาร์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 20 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 20.6 ดอลลาร์ หรือ 1.14% ปิดที่ 1,779.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 41.9 เซนต์ หรือ 2.25% ปิดที่ 18.218 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 16.8 ดอลลาร์ หรือ 1.97% ปิดที่ 834.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 36.20 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,930.70 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยเมื่อคืนนี้ด้วย โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.369 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกัน ADP ได้ปรับตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนพ.ค. โดยรายงานว่ามีการจ้างงานพุ่งขึ้น 3.065 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่า การจ้างงานลดลง 2.76 ล้านตำแหน่ง
ทางด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 43.1 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.5
ทั้งนี้ ข้อมูลของ ISM สอดคล้องกับที่ไอเอชเอส มาร์กิต รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 39.8 ในเดือนพ.ค.
Ryt9.com Infoquest

2 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจเช้านี้ รายงานผลการประชุมFED และตลาดหุ้นคืนที่ผ่านมา