วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์ EUR/USD 24 ธค

EUR/USD intraday: the upside prevails.

Pivot: 1.4275
คำแนะนำ : Long ที่เหนือระดับ 1.4275 targets @ 1.4370 & 1.4405
หากราคาผ่านต่ำกว่า1.4275 จะไปที่เป้าหมาย 1.4235 & 1.4215
ข้อสังเกต : RSI ผสมกันกับแนวโน้มขึ้น
Key levels
1.4440
1.4405
1.4370
1.4330 last
1.4275
1.4235
1.4215

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 23 ธค: ดอลล์ร่วง หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.54% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4326 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4249 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.17% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 91.680 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.840 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.89% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0393 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0486 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ขยับขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5957 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5970 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.39% แตะที่ 0.8792 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8758 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.27% แตะที่ 0.7036 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7017 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์จากแคปิตอล อิโคโนมิคส์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันอย่างหนักหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ดิ่งลง 11.3% แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ สหรัฐยังปรับลดการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 โดยประเมินว่าจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 2.2% ต่ำกว่าที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.8%
ส่วนค่าเงินปอนด์ดิ่งลงหลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงหนึ่งขั้นสู่ระดับ A2 จากเดิมที่ A1 เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- พร้อมกับแนะนำให้นายจอร์จ พาพันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งในขณะนี้ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันพฤหัสบดีที่ 24 ธ.ค. และปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค.เนื่องในวันคริสต์มาส

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 23 ธค.

Pivot: 1.4350
คำแนะนำ : Short ที่ระดับต่ำกว่า 1.4350 targets @ 1.4215 & 1.4175
หากผ่านสูงกว่า 1.4350 จะไปที่เป้าหมายด้านบน 1.4425 & 1.4500
ข้อสังเกต : แนวโน้มขาลงยังมีแรงลง
Key levels
1.4500
1.4425
1.4350
1.4250 last
1.4215
1.4175
1.4080

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 22 ธค: เชื่อมั่นศก.สหรัฐฟื้นเร็วกว่ายุโรป หนุนดอลล์พุ่งเทียบยูโร,ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่ายุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสหรัฐด้วย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4250 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4283 ยูโร/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 0.70% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 91.790 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 91.150 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0484 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0459 ฟรังค์/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5969 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6041 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.57% แตะที่ 0.8758 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.8808 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.7018 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ แตะที่ 0.7047 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพราะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่ายุโรป โดยเมื่อวานนี้รัฐบาลอังกฤษระบุว่าเศรษฐกิจภายในประเทศหดตัว 0.2% ในไตรมาส 3 นอกจากนี้ การที่กรีซถูกปรับลดอันดับเครดิต ยิ่งทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินในโซนยุโรป รวมถึงเงินปอนด์และยุโร
เมื่อวานนี้ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงหนึ่งขั้นสู่ระดับ A2 จากเดิมที่ A1 เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก พร้อมกับแนะนำให้นายจอร์จ พาพันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งในขณะนี้ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)
การประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P และมูดีส์ มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนให้นายพาพันเดรอูเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณโดยเร็ว
ดัชนี Chicago Board Options Exchange`s Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความผันผวนของดอลลาร์ ลดลง 4.6% แตะที่ 19.55 จุด หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นแตะระดับ 89.5 จุดในเดือนต.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดกระแสความวิตกกังวลเรื่องวิกฤตการณ์การเงิน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 7.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้มาตรการลดหย่อนภาษี ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายบ้านทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศปรับลดการประเมินตัวเลขจีดีพี โดยประเมินว่าจีดีพีไตรมาส 3 ขยยตัวเพียง 2.2% ต่ำกว่าที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.8%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค.เนื่องในวันคริสต์มาส

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นกแก้วราคาเท่าไหร่

ขำขันส่งท้ายปีครับ

ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง
เห็นนกแก้วตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่จึงเกิดสนใจถามคนขายว่านกแก้ว
ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
ชายคนนั้น : ลุงๆไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
คนขาย : 15,000 บาท
ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window,mac,unix แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ
ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆมันล่ะ
คนขาย : 25,000 บาท
ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง ( หัวเราะ)
คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ
ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆอยู่ข้างหลังน่ะ
(ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัวที่นั่งอยู่หน้าคอมอยู่นั่นแหละ ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ
ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ
คนขาย : 100,000 บาท
ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ
คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า !!!

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 22 ธค

Pivot: 1.4400
คำแนะนำ: Short ที่ระดับต่ำกว่า 1.44 targets @ 1.4260 & 1.4175
หากราคาผ่านระดับ 1.4400 เป้าหมายคือ 1.4500 & 1.4570
ข้อสังเกต: RSI ติดเส้นแนวโน้มขาลง

Key levels
1.4570
1.4500
1.4400
1.4285 last
1.4260
1.4175
1.4080

ข่าวสถานการณ์ EUR /USD 22 ธค.

EURUSD: Intraday views

มีการเด้งกลับขึ้นเล็กน้อยจากจุดต่ำสุด ระดับ 1.4260 และกลับขึ้นมาที่ระดับ 80 ยังไม่มีอะไรพิเศษนัก
แต่มีการระบุว่ามีแรงซื้อที่บริเวณ 1.4250 ซึ่งอาจจะดึง EUR ขึ้นในช่วงเช้านี้
ในตลาดมีการกล่าวถึงแรงซื้อบริเวณ 1.4250 และการ stops ที่ต่ำกว่านั้น
ด้านบนยังดูเหมือนจำกัดอยู่ในช่วงตลาดเอเชีย จากการขายที่บริเวณ 1.4300-20
เป้าหมายทางเทคนิคคือ 1.4190( 100 day MA) สำหรับการลงครั้งนี้

World Markets21 ธค: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปด้านการดูแลสุขภาพ รวมทั้งข่าวบริษัท ซาโนฟี-เอเวนติส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของฝรั่งเศสประกาศแผนเข้าซื้อกิจการบริษัท แชทเทม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นอินเทล คอร์ป และ หุ้นอัลโค อิงค์ เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มผลกำไรที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 85.25 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 10,414.14 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.58 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 1,114.05 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 25.97 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 2,237.66 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 73 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะประชุมร่วมกันในวันอังคารที่ 22 ธ.ค.นี้ที่ประเทศแองโกลา โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าโอเปคจะคงการผลิตไว้เท่าเดิม
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 89 เซนต์ ปิดที่ 72.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.70-72.25 ดอลลาร์ (ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเดือนก.พ.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 73.72 ดอลลาร์/บาร์เรล)
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซาและผันผวน หลังจากสกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นได้กระตุ้นนักลงทุนให้เทขายสัญญาทองคำและหันเข้าเทรดในตลาดหุ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,096.00 ดอลลาร์/ออนซ์ 15.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 1119.0 - 1093.5 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งประกาศควบรวมกิจการกัน ขณะที่กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจยุโรปส่งผลให้นักลงทุนเทขายยูโร
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับยูโร แตะที่ 1.4282 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4341 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.97% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.180 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.300 เยน/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวการควบรวมกิจการระหว่างซาโนฟี-เอเวนติส แชทเทม อิงค์ มูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 97.18 จุด หรือ 1.9% ปิดที่ 5,293.99 จุด

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 21 ธค.

Pivot: 1.4375
คำแนะนำ : Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4375 targets @ 1.426 & 1.4175
หากราคาผ่านเหนือระดับ 1.4375 เป้าหมายคือ 1.4425 & 1.4500
ข้อสังเกต : RSI มีทิศทางไม่ดี ราคาติดอยู่ที่เส้นแนวโน้มลงระยะกลาง
และยังอยู่ในภาวะกดดัน
Key levels
1.4500
1.4425
1.4375
1.4286 last
1.4260
1.4175
1.4080

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 18 ธค:ดอลล์พุ่งเทียบยูโร-ปอนด์ ขณะนลท.วิตกเศรษฐกิจยุโรป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเงินปอนด์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการเงินในกลุ่มประเทศยุโรป
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4340 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4344 ยูโร/ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6145 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6156 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.46% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.290 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.880 เยน/ดอลลาร์ แต่ลดลง 0.44% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ระดับ 1.0423 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0469 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้น 0.39% แตะที่ 0.8905 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8870 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 0.16% แตะที่ 0.7107 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7096 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ทั้งนี้ สถานการณ์ทางการเงินในยุโรปกำลังสร้างความวิตกกังวลต่อนักลงทุน โดยเมื่อวานนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก นอกเสียจากว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ โดยการประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คาดการณ์จาก Saxo Bank สำหรับปีหน้า 2010

กองทุนประกันสังคมของอเมริกาจะล้มละลาย
เงินเยนจะอ่อนค่าลงถึง 110 (USD/JPY)
ทองจะลงไปที่ระดับ 870$ ก่อนจะเด้งกลับขึ้นในระยะยาวไปที่ 1500$ ในเวลาสองสามปีนี้
ปี 2010 ยังมีการบริโภคไม่มากกว่าการผลิต
ดังนั้น ภายในเวลาไม่กี่เดือนนี้ คาดว่าดอลจะค่อยๆ แข็งขึ้น
คู่อียูก็จะลงไปได้อีก

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.telegraph.co.uk/finance/financetopics/financialcrisis/6835576/US-pensions-go-bust-gold-crashes-China-flops-Bunds-soar-predicts-Saxo.html

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 18 ธค.

Pivot: 1.4420
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4420 targets 1.4300 & 1.4235

หากราคาผ่านเหนือ 1.4420 เป้าหมายคือ 1.4500 & 1.4600
ข้อสังเกต:RSI ขึ้นมาชนบริเวณ 50% และกำลังกลับลง
Key levels
1.4600
1.4500
1.4420
1.4345 last
1.4300
1.4235
1.4160

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 17 ธค: ดอลล์พุ่งแรง หลัง FED ส่งสัญญาณถอนมาตรการกระตุ้นศก.

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งล่าสุด รวมถึงชะลอโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.33% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4343 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4536 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.18% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.940 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.780 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.85% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ 1.0467 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.0379 ฟรังค์/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6158 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6334 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.52% แตะที่ 0.8869 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9006 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.61% แตะที่ 0.7093 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ 0.7209 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากคณะกรรมการเฟดระบุว่าจะค่อยๆชะลอการเข้าซื้อหลักทรัพย์และตราสารหนี้ ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล วงเงินรวม 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และจะให้โครงการดังกล่าวหมดอายุลงในไตรมาสแรกของปี 2553 นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดจะเริ่มปิดวงเงินสว็อปสภาพคล่องภายในวันที่ 1 ก.พ.และค่อยๆลดวงเงินในโครงการ Term Auction Facility ในช่วงต้นปี 2553
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับ 480,000 ราย เพิ่มขึ้น 7,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ส่วนค่าเงินยูโรและเงินปอนด์ได้รับแรงกดดันหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก นอกเสียจากว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งในขณะนี้ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)
โดยการประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนให้รัฐบาลกรีซเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณโดยเร็ว

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์ EUR/USD 17 ธค.

Pivot: 1.4500
คำแนะนำ : SHORT ที่ราคาต่ำกว่า 1.4490 เป้าหมาย 1.4345 & 1.4300
ทางเลือก : หากราคาผ่านเหนือ 1.4500 จะไปที่เป้าหมาย 1.4600 & 1.4675
ข้อสังเกต ราคาได้ผ่านกรอบขาลงระยะกลาง และยังอยู่ใต้แรงกดดันเนื่องจาก RSI ยังมีทิศทางลง
แนวโน้ม : ระยะสั้น ขึ้นได้จำกัด ; ระยะกลาง อยู่ในกรอบ

Key levels Comment
1.4675*** Intraday resistance
1.46*** Intraday resistance
1.45*** Intraday pivot point
1.4396 Last
1.4345** Intraday support
1.43** Intraday support
1.4235** Intraday support

When you say nothing at all

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 16 ธค: ดอลล์ฟื้นเทียบเยน รับข่าว FED เล็งถอนมาตรการกระตุ้นศก.

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าจะเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า รวมถึงโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และยูโร หลังจากมียืนยันว่าจะคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.02% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4536 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4533 ยูโร/ดอลลาร์ แต่พุ่งขึ้น 0.18% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.780 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.620 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.22% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0380 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0403 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดิ่งลง 0.39% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6338 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6275 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.66% แตะที่ 0.9007 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9067 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.21% แตะที่ 0.7206 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7221 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดระบุว่า จะค่อยๆชะลอการเข้าซื้อหลักทรัพย์และตราสารหนี้ ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล วงเงินรวม 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะสิ้นสุดลงภายในไตรมาสแรกของปี 2553 พร้อมระบุว่าจะมีการประเมินช่วงเวลาและปริมาณการเข้าซื้อหลักทรัพย์ เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจและสภาวะในตลาดการเงินเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดจะเริ่มปิดวงเงินสว็อปสภาพคล่องภายในวันที่ 1 ก.พ.และค่อยๆลดวงเงินในโครงการ Term Auction Facility ในช่วงต้นปี 2552
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมกับย้ำว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงหลังจากจีดีพีไตรมาส 3 ของออสเตรเลีย ขยายตัวเพียง 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ขณะที่ค่าเงินยูโรถูกกดดันหลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. เนื่องจากความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มชะลอตัว

ดอลล์แข็งค่าที่ตลาดโตเกียววันนี้ 17 ธค ขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

เงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองเงินดอลลาร์มากขึ้น
โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์เลวร้ายในตลาดแรงงานเริ่มคลี่คลายลง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงไปสู่ระดับ 465,000 รายในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จากระดับ 474,000 รายในรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ณ เวลา 11:18 น.ตามเวลาโตเกียว เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ 1.4472 ยูโร/ดอลลาร์ โดยที่ก่อนหน้านั้นค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 1.4452 ยูโร/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. จากระดับ 1.4531 ยูโร/ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กวานนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.98 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.78 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 130.21 เยน/ยูโร จากระดับ 130.46 เยน/ยูโร
นักวิเคราะห์มองว่า การที่นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ในรูปสกุลดอลลาร์ก็เป็นเพราะสถานการณ์ในตลาดแรงงานที่ดีขึ้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมีความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด ซึ่งชี้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. หลังจากที่ขยายตัวได้ 0.3% ในเดือนต.ค.

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 16 ธค. the downside prevail

Pivot: 1.4575
คำแนะนำ : Short ที่ต่ำกว่า 1.4575 @ 1.45 & 1.4450

หากราคาผ่านเหนือ 1.4575 ขึ้นไป จะไปที่เป้าหมาย 1.4625 & 1.4685
ข้อสังเกต: RSI อยู่ในกรอบแนวโน้มลง
Key levels
1.4685
1.4625
1.4575
1.4535 last
1.4500
1.4450
1.4410

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก15 ธค: ดอลล์พุ่ง หลัง PPI สหรัฐจุดกระแสวิตกเงินเฟ้อ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ที่สูงเกินคาด ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.85% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4530 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4655 ยูโร/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 1.17% เมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 89.630 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.590 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.86% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0405 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0316 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.27% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6266 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6310 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.16% แตะที่ 0.9059 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9165 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.82% แตะที่ 0.7216 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7276 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีพีพีไอเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า ขณะที่ดัชนีพีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ดีดขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรุนแรงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดัชนีพีพีไอที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนพ.ย.เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่รัฐบาลและเฟดอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังและจับตาดูการประชุมเฟดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่รุนแรงอาจทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ 0 - 0.25%
นอกจากนี้ เฟดรายงานว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 0.8% ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งการผลิตที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย
ค่าเงินยูโรดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนธันวาคม เนื่องจากความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มชะลอตัว รวมถึงการที่กรีซมีตัวเลขขาดดุลสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในยุโรป นอกเหนือจากการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทยแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพุธด้วย โดยกระทรวงแรงงานเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.และข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 15 ธค.



Pivot: 1.4685
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4685 targets @ 1.4585 & 1.4535
หากราคาผ่านเหนือ 1.4685 ขึ้นไป จะไปที่เป้าหมาย 1.4775 & 1.4825
ข้อสังเกต: RSI มีแรงขึ้นน้อย
Key levels
1.4825
1.4775
1.4685
1.4655 last
1.4585
1.4535
1.4470

คาราโอเกะ นักเรียนเกาหลี คลายเครียดครับ


ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 14 ธค.: ข่าวอาบูดาบีอัดฉีดเงินให้ดูไบ ฉุดดอลล์ร่วงหนัก

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐและหันไปถือครองสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า หลังจากมีรายงานว่าอาบูดาบีให้เงินช่วยเหลือดูไบมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแม้มีกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหนี้สินและอันดับเครดิตของกรีซและสเปนก็ตาม

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.20% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4650 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4621 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.52% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 88.590 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.050 เยน/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.25% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0318 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0344 ฟรังค์/ดอลลาร์ และร่วงลง 0.36% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6308 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6249 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.52% แตะที่ 0.9168 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ระดับ 0.9121 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.30% แตะที่ 0.7277 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7255 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐเพราะต้องการถือครองสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า รวมถึงยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากอาบูดาบี ซึ่งเป็นนครรัฐหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศว่าจะอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับดูไบ โดยเงินจำนวน 4.1 พันล้านดอลลาร์จะนำไปชำระหนี้พันธบัตรอิสลามที่ครบกำหนดไถ่ถอน

ขณะที่ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นแม้นายกรัฐมนตรีกรีซยอมรับว่า กรีซมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับหนี้สินภาคสาธารณะที่สูงขึ้น ขณะที่สถาบันจัดอับดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซ

ที่ประชุมสหภาพยุโรเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซเร่งแก้ไขวิกฤตการณ์การเงินภายในประเทศ และแสดงความกังวลว่ามาตรการฉุกเฉินของรัฐบาลกรีซจะไม่สามารถยับยั้งกระแสความตื่นตระหนกในตลาดได้ เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 12.7% ของตัวเลขจีดีพี

นายโฮเซ่ บาร์รอสโซ่ ประธานคณะกรรมาธิการอียูกล่าวว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซสะท้อนให้เห็นว่ายุโรปจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับมาตรการที่ถูกที่ถูกเวลา อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ากรีซจะสามารถฟันฝ่าปัญหาดังกล่าวไปได้อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่า

นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ดูไบ และอาบูดาบี ร่วมมือกันแก้ปัญหาดูไบเวิร์ลด์

มีการประกาศจากรัฐบาลดูไบ ว่าจะอนุมัติเงินจำนวน $4.1 พันล้านเหรียญ ให้กับ Sukuk
นอกจากนี้ รัฐบาล อาบูดาบีพยายามทำการช่วยเหลืออีก หมื่นล้านเหรียญ เพื่อช่วยในการปรับโครงสร้างหนี้ และ UAE central bank ได้ให้สัญญาว่าจะให้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือ
EUR/USD ได้พุ่งขึ้นทันทีหลังจากประกาศข่าว ไปที่แนวต้าน ระดับ 1.4670,
GBP/USD ขึ้นประมาณ 100 pips อย่างรวดเร็ว และ AUD/USD กระโดดขึ้น 50 pips, กลับมาที่ราคาเปิด

สรุปสถานการณ์ค่าเงินดอลลาห์ 11-17 ธค.


หลังจากที่วันศุกร์ที่ 11 ธค. เวลา 20:30 น. ได้มีการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกที่สดใส
โดยปกติแล้วข่าวที่ดีขึ้น จะทำให้นักลงทุนขายดอลลาห์เพื่อไปลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์อื่น
แต่ครั้งนี้หลังข่าว ดอลลาห์แข็งขึ้น อียูร่วงจาก 1.4760 มาที่ 1.4730 เนืองจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ในไม่ช้าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(กำหนดในวันพฤหัส ที่ 17 ธค.นี้ เวลา 02:15น.) เพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนกลับไปซื้อดอลลาห์กันอย่างคึกคัก ทำให้อียูร่วงลงเป็นระลอกที่สอง จากระดับ 1.4730 ลงมาทำนิวโลว์ที่ 1.4585
อย่างไรก็ตาม เฟดได้ยืนยันมาตลอดว่า จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไป
ช่วงสองสามวันนี้ จึงคาดว่าดอลลาห์จะยังผันผวนต่อไป จนกว่าจะถึงเวลานั้น

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 14 ธค.

Pivot: 1.4700
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4700 เป้าหมาย @ 1.4585 & 1.4535

หากราคาผ่านเหนือ 1.4700 เป้าหมายคือ 1.4775 & 1.4825
ข้อสังเกต: ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถรีบาวนด์ทางเทคนิคได้เต็มที่ แต่การลงต่อก็ยังถูกจำกัด

แนวต้านระยะใกล้อยู่ที่ระดับ 1.4660/70 และคาดว่าจะลงไปทดสอบระดับ 1.4600 อีกครั้ง

Key levels
1.4825
1.4775
1.4700
1.4622 last
1.4585
1.4535
1.4470

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 12 ธค: ดอลล์แข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนเทียบยูโร หลังข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังจากที่ยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสดใส ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในเร็ววันนี้
โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 1.4622 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4734 ดอลลาร์/ยูโร นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยนโดยแตะที่ 89.090 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.180 เยนต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าแตะ 1.0340 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0258 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์ และแข็งค่าแตะ 1.6236 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6277 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะ 0.9116 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9169 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็อ่อนค่าแตะ 0.7245 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7284 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพฤศจิกายนขยายตัว 1.3% หรือมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า และมากกว่าเดือนตุลาคมซึ่งขยายตัว 1.1% ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ก็ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนธันวาคม เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายตัวอีก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และนั่นอาจทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยคาดไว้
การปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือกระแสคาดการณ์ที่ว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เป็นปัจจัยที่สามารถทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนจะหันไปลงทุนในสกุลเงินที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูง
ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ซึ่งหลายฝ่ายต่างลุ้นว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากที่เคยยืนยันมาตลอดว่าจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าเฟดยังไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราว่างงานในสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 11 ธค.





แนวโน้มวันนี้ รีบาวน์ขึ้นปรับฐาน

Pivot: 1.4675

คำแนะนำ : Long ที่ราคาเหนือ 1.4675 @ 1.4775 & 1.4825
หากราคาทะลุ 1.4675 ลงไป จะไปที่เป้าหมาย 1.4610 & 1.4530
ข้อสังเกต : ราคายังอยู่เหนือเส้นแนวโน้มลง
Key levels
1.4890
1.4825
1.4775
1.475 last
1.4675
1.4610
1.453

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 10 ธค: ดอลล์ทรงตัวเทียบยูโร,ปอนด์ หลังอังกฤษคงดบ.-เดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) หลังจากอังกฤษประกาศเดินหน้าใช้มาตรการพยุงเศรษฐกิจต่อไป อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่และยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหันไปซื้อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลงเพียง 0.04% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4730 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4724 ยูโร/ดอลลาร์ แต่พุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.220 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 87.860 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ขยับลง 0.09% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0257 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.0266 ฟรังค์/ดอลลาร์ และขยับขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6273 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6261 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.94% แตะที่ 0.9172 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9087 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.32% แตะที่ 0.7279 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7184 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันและดีดขึ้นมาย่ำฐานทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ตามความคาดหมายในการประชุมเมื่อวานนี้ และระบุว่าจะดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ที่ระดับ 2 แสนล้านปอนด์ (3.25 แสนล้านดอลลาร์) ต่อไป
คณะกรรมการผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงอย่าง น้อยในเดือนก.พ. และย้ำว่าโครงการซื้อสินทรัพย์จะสิ้นสุดลงตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าในเดือนต.ค.ลดลงเหลือ 3.29 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดส่งออกเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.5% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานร่วงลงแตะระดับ 474,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.75% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 31,200 ตำแหน่งจากเดือนต.ค. พร้อมทำสถิติขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากบริษัทเอกชนหลายแห่งเพิ่มการจ้างงานมากขึ้น ส่วนอัตราว่างงานขยับลดลงจากระดับ 5.8% ไปอยู่ที่ 5.7%

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 10 ธค.


Pivot: 1.4775
คำแนะนำ : SHORT ที่ 1.4765 เป้าหมาย 1.4665 & 1.4610
หากราคาทะลุผ่าน 1.4775 ขึ้นไปด้านบน จะไปที่เป้าหมาย 1.4825 & 1.4890
ข้อสังเกต: ราคายังอยู่ในกรอบขาลง
แนวโน้ม : ระยะสั้นยังขึ้นได้จำกัด; ระยะกลาง ยังอยู่ในกรอบ
Key levels
1.489** Intraday resistance
1.4825** Intraday resistance
1.4775** Intraday pivot point
1.4712 Last
1.4665*** Intraday support
1.461** Intraday support
1.453** Intraday support

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 9 ธค:ดอลล์พุ่งเทียบปอนด์-ยูโร ขณะนลท.วิตกเศรษฐกิจยุโรป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.เป็นต้นมา ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อสถานะทางการเงินของกลุ่มประเทศยุโรป ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับเงินยูโร ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ 1.4693 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4698 ยูโร/ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.52% ที่ระดับ 1.6201 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.6286 ดอลลาร์/ยูโร
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0286 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0272 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดิ่งลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.77 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.34 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.04% แตะที่ 0.9035 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9039 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยายตัวขึ้นแตะระดับ 0.7088 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7067 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้ และคาดว่ารัฐบาลจะต้องเพิ่มอัตราการกู้ยืมเงินในปีหน้าเพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ ขณะที่มูดี้ส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือกล่าวว่า อังกฤษต้องแก้ปัญหาหนี้สาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการถูกลดอันดับเครดิตที่ AAA
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ซึ่งถูกมองว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงนั้นกำลังเป็นที่ต้องการของนักลงทุน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในยุโรป ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดทำให้นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินมายังสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 9 ธค.

Pivot: 1.4775
คำแนะนำ : Short ที่รีคาต่ำกว่า 1.4775 targets @ 1.4680 & 1.4610

หากราคาผ่าน 1.4775 เป้าหมายคือ 1.4830 & 1.4865

ข้อสังเกต : RSI เป็นขาลง bearish และมีแนวโน้มลงต่อ

Key levels
1.4865
1.4830
1.4775
1.4702 last
1.4680
1.4610
1.4560

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 8 ธค: ดอลล์พุ่งแรง หลังมูดีส์ชี้อันดับเครดิต AAA ของสหรัฐมีความเสี่ยง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่าสหรัฐและอังกฤษมีหนี้สาธารณะที่สูงมาก อีกทั้งระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐและอังกฤษอยู่ในระดับที่อ่อนแอกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศส
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4700 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4819 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 1.01% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6280 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6446 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.71% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0270 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0198 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ดิ่งลง 1.34% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.310 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.510 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.93% แตะที่ 0.9038 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9123 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.79% แตะที่ 0.7068 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7124 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างคึกคัก หลังจากมูดีส์ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อยู่ในกลุ่มยืดหยุ่น (Resilient AAA) ซึ่งนับว่าด้อยกว่าแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสที่อยู่ในกลุ่มต้านทาน (Resistant AAA) เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลกน้อยกว่าสหรัฐและอังกฤษ
มูดีส์กล่าวว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งแตะ 97.5% ของกิจกรรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในปี 2553 จากปีนี้ที่ระดับ 87.4% และคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันของสหรัฐยังไม่มากพอที่จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ มูดีส์ได้จัดอันดับเครดิต AAA ไว้ 3 กลุ่ม ซึ่งได้แก่กลุ่มต้านทาน (Resistant) ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ดีทีสุด กลุ่มยืดหยุ่น (Resilient) ซึ่งเป็นกลุ่มรองลงมา และกลุ่มเปราะบาง (Vulnerable) ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับในครั้งนี้มูดีส์ไม่ได้จัดประเทศใดให้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง
มูดีส์กล่าวว่า ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษร่วงลงเมื่อเทียบกับ 16 สกุลเงินหลักๆที่เป็นคู่ค้าของอังกฤษ โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้มูดีส์เห็นว่าอันดับเครดิต AAA ของอังกฤษจึงติดกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจแบบยืดหยุ่น หรือ มีโอกาสที่จะ "ชนขอบวงนอกสุดของ AAA" เนื่องจากอังกฤษถูกกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก
มูดีส์ระบุว่า การพิจารณาจัดกลุ่มสถานะของทุกประเทศที่มีอันดับเครดิต AAA นั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์การเงินเป็นหลัก โดยประเทศที่ติดกลุ่มต้านทานนั้น นอกเหนือจากแคนาดา เยอรมนี และฝรั่งเศสแล้ว มูดีส์ยังระบุว่านิวซีแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ก็ติดกลุ่มต้านทานด้วย
นอกจากนี้ มูดีส์ยังปรับลดอันดับเครดิตของบริษัท 6 แห่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลดูไบ โดยกล่าวว่ารัฐบาลดูไบอาจไม่สามารถรับประกันหนี้สินของบริษัททั้ง 6 แห่งได้ ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซ โดยระบุว่ารัฐบาลชุดใหม่ของกรีซอาจไม่สามารถควบคุมหนี้สินที่พุ่งสูงขึ้นได้

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 8 ธค.


Pivot: 1.4900
คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4900 targets 1.4778 & 1.4735
หากราคาผ่าน 1.4900 ขึ้นไป เป้าหมายคือ 1.4970 & 1.5020
ข้อสังเกต : RSI ชนแนวต้านหลักที่ประมาณ 70%
และกำลังกลับลง
Key levels
1.5020
1.4970
1.4900
1.4820 last
1.4778
1.4735
1.4685

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 7 ธค: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร เหตุนักลงทุนวิตกแนวโน้มเศรษฐกิจ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์หลังจากตลาดหุ้นร่วงลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐยังไม่ผ่านพ้นไป แม้อัตราว่างงานในสหรัฐปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4811 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4850 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.06% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6438 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6448 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0204 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0164 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ร่วงลง 1% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.530 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.430 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.44% แตะที่ 0.9116 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของศุกร์ที่ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.61% แตะที่ 0.7122 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7166 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จากมิซูโฮ คอร์ปอเรท แบงค์ กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ร่วงลง จึงเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย โดยกระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นแม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ของสหรัฐเดือนพ.ย.ลดลง 11,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ย.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ จะดีดตัวขึ้น 0.7% ซึ่งจะทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากผู้บริโภคสหรัฐมีแนวโน้มใช้จ่ายมากขึ้นจนถึงปีหน้า

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 7 ธค.




Pivot: 1.4925

คำแนะนำ : Short ที่ต่ำกว่า 1.4925 targets @ 1.48 & 1.4765

หากผ่านเหนือระดับ 1.4925 จะไปที่เป้าหมาย 1.4970 & 1.5000

ข้อสังเกต: ถึงแม้ว่าจะยังไม่รีบาวน์ในทางเทคนิคกลับไปได้ แต่การลงต่อก็ยังคงจำกัด

Key levels
1.5
1.497
1.4925
1.4852 last
1.48
1.4765
1.4735

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โบรกเกอร์ไหนดี รับโบนัส 15% ทุกครั้ง โบรกเกอร์สำหรับคนทุนน้อย ด้วย Leverage 1:1000

พวกเรามักจะมองหาโบรกเกอร์ไหนดี แล้วลองๆ ดูไปเรื่อยๆ ผมก็เหมือนกันครับ ค้นหามาตลอด แต่ก็มีที่ชอบอยู่บางที่

ที่ Exness เป็นที่ที่น่าสนใจมาก
ลองดูตามรายละเอียดข้างล่างครับ

แนะนำโบรกเกอร์สัญชาติรัสเซีย ที่เหมาะสำหรับคนทุนน้อย
บริษัท Exness
ข้อดีเท่าที่ทดลองใช้งานคือ
1. สมัครง่าย ไม่ต้องใช้เอกสารดูรายละเอียดและทดลองใช้งานหรือสมัครได้ที่ https://www.exness.com/a/2635
2. ใช้ MT4 ด้วยจุดทศนิยม 5 จุด ทำให้เทรดได้ละเอียดกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป
3. ตั้งเป้าได้ที่ระยะห่างจากจุดปัจจุบันไม่จำกัด (บางโบรกจำกัดที่ต้องเกิน 10 จุด)
4. สเปรดต่ำ (1 จุด ขึ้นไป สำหรับ อียู) และลอยตัวตามสภาวะตลาด เหมือนระบบ ECN ทำให้คนที่เทรดสั้นได้สะดวกมากขึ้น
5. Leverage 1:1000 ทำให้ใช้ทุนน้อยมากเช่น เทรดจุดละ 1 ดอล ใช้ทุนประมาณ 15 ดอล เท่านั้นขณะที่โบรก อื่นๆ ใช้ทุนประมาณ 30 ดอล ที่ Leverage 1:500
6. เทรดขั้นต่ำได้ที่ 0.01 ลอต หรือจุดละ 0.1 ดอลสัดส่วนการเทรดเหมือนกับบัญชีดอลเช่น 0.1 ลอต คือ จุดละ 1 ดอล
7. ฝากขั้นต่ำครั้งแรกเพียง 10 ดอล (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น 100 ดอลแล้ว)
8. ถอนไวมาก LR และ WMZ ถอนได้ทันที real time (บางครั้งอาจรอไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เมื่อบัญชีถอนออกมามากกว่าทุนแล้ว)ไม่ต้องรอข้ามวันเหมือนที่อื่น โดยถอนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่
9. มีโบนัสตอนฝากเข้าทุกครั้ง 25%

ทดลองสมัครและใช้งานได้ที่ https://www.exness.com/a/2635
(ขณะที่สมัครจะมีการยืนยันโดยใส่รหัสที่ได้รับจากอีเมล์ ส่วน รหัสจาก SMS ให้ใส่ด้วย และเลือก security ขั้นถัดไปเป็นแบบ SMS เพื่อใช้ในการถอนเงินภายหลัง)

หากต้องการใช้อินดิเคเตอร์และเทมเพลท สามารถส่งเมลมาขอได้ที่ forexnectura@gmail.com
รายละเอียดอินดิเคเตอร์และเทมเพลทอยู่ที่ลิงค์นี้ครับ http://forexnectura.blogspot.com/2009/09/13.html

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 3 ธค: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลังแบงค์ชาติยุโรปเล็งถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ย 1% และประกาศว่าจะเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าแบงค์ ออฟ อเมริกา เตรียมชำระคืนหนี้สินให้กับรัฐบาลส่งผลให้ดอลลาร์ถูกกดดันมากขึ้นด้วย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.19% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5073 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.5044 ยูโร/ดอลลาร์ และรูดลง 0.18% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9998 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0016 ฟรังค์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.43% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6562 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.6634 ปอนด์/ดอลลาร์ แต่ฟื้นตัวขึ้น 0.83% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 88.180 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 87.450 ฟรังค์/ดอลลร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.01% แตะที่ 0.9250 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9249 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.06% แตะที่ 0.7224 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7220 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็น ประวัติการณ์ที่ 1% เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนที่ 0.25% และคงอัตราเงินกู้ที่ 1.75% นอกจากนี้ อีซีบีประกาศว่าจะเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า แบงค์ ออฟ อเมริกา ผู้ปล่อยกู้รายใหญ่สุดในสหรัฐ เตรียมจ่ายเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์คืนรัฐบาล ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารหลุดพ้นจากกฎการจ่ายค่าตอบแทนผู้บริหารที่เข้มงวดของรัฐบาล ทั้งนี้ การคืนเงินให้กับรัฐบาลจะช่วยให้ทางธนาคารสามารถหาผู้บริหารคนใหม่ได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ซีอีโอ เคนเนธ ดี. ลูวิส ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่าดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.หดตัวลงสู่ระดับ 48.7 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 50.6 จุด โดยดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคบริการ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จะอยู่ที่ระดับ 51.5 จุด
นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

World Markets 2 ธค: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานในเดือนพ.ย.ลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนัก ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq สามารถปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของดูไบ และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐจะลดลงในอัตราที่ช้าลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 18.90 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 10,452.68 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.38 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 1,109.24 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 9.22 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 2,185.03 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐหดตัวลง นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคเอกชนสหรัฐลดการจ้างงาน ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ( New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.77 ดอลลาร์ หรือกว่า 2% ปิดที่ระดับ 76.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 76.22-78.59 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง แม้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นก็ตาม สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,213.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 12.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,196.50-1,218.40 ดอลลาร์
-- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้นแม้ตัวเลขจ้างงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอ่อนแอก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5043 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.5087 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.90% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.420 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 86.640 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0017 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9988 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6634 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6622 ปอนด์/ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) โดยดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากราคาโลหะที่พุ่งขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ยูบีเอส เอจี คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นลอนดอนจะทะยานขึ้น 18% ภายในปลายปีหน้า
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 15.22 จุด แตะที่ 5,327.39 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,283.04-5,348.45 จุด

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 1 ธค : ดอลล์ร่วงหนัก หลังนลท.คลายกังวลปัญหาหนี้ดูไบ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องปัญหาดูไบ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน และธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.5082 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ระดับ 1.5007 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.98% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ 1.6613 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6452 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.58% เมื่อเทียบกับฟรังค์ที่ 0.9991 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0049 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 86.730 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 86.340 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.05% แตะที่ 0.9246 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9150 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 1.43% แตะที่ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7154 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าอัตราว่างงานในเดือนต.ค.ทรงตัวอยู่ที่ 9.8% น้อยกว่าอัตราว่างงานในสหรัฐซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% นอกจากนี้ การที่ปัญหาการเงินในดูไบเริ่มคลี่คลายลงได้ทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหันไปถือครองสกุลเงินที่มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า
บริษัท ดูไบ เวิล์ด ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้เริ่มเจรจากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงตราสารหนี้อิสลามมูลค่าราว 3.6 พันล้านดอลลาร์ที่ออกโดยนาคีล เวิลด์ บริษัทในเครือซึ่งเป็นผู้พัฒนาคฤหาสถ์หรูหราบนหมู่เกาะรูปต้นปาล์ม
ความตึงเครียดเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินดูไบเริ่มคลี่คลายลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางยูเออีจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิล์ด ขณะที่ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในยูเออี รวมถึงดูไบ มีอยู่เพียง 9.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับธนาคารในยุโรปที่ได้รับความเสียหายมากกว่าเกือบ 9 เท่า
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแข็งแกร่งหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ควบคู่ไปกับการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉิน เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 1 ธค.: คลายวิตกปัญหาดูไบ-ยอดขายบ้านพุ่ง หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 126.74 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลบเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินในดูไบ หลังจากมีรายงานว่าบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ เริ่มเจรจากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทะยานขึ้น และยอดขายบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้กระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 126.74 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 10,471.58 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 13.23 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 1,108.86 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 31.21 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 2,175.81 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.13 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.19 พันล้านหุ้น
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจาก ดูไบ เวิล์ด ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้เริ่มเจรจากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงตราสารหนี้อิสลามมูลค่าราว 3.6 พันล้านดอลลาร์ที่ออกโดยนาคีล เวิลด์ บริษัทในเครือซึ่งเป็นผู้พัฒนาคฤหาสถ์หรูหราบนหมู่เกาะรูปต้นปาล์ม
กระแสความตึงเครียดเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินดูไบเริ่มคลี่คลายลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางยูเออีจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิล์ด โดยธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ดูไบ เวิลด์ รวมถึงธนาคาร HSBC, ธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ส
ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) และสมาคมธนาคารแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บ่งชี้ว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในยูเออี รวมถึงดูไบ มีอยู่เพียง 9.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับธนาคารในยุโรปที่ได้รับความเสียหายมากกว่าเกือบ 9 เท่า
นักลงทุนขานรับข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 3.7% แตะที่ 114.1 จุด ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.8%
การร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทะยานขึ้น โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ปิดบวก 2.2% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ปิดพุ่ง 1.3% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ ดีดขึ้น 1.2%
ส่วนยอดขายบ้านที่ดีดตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านพุ่งขึ้นย โดยหุ้นเบเซอร์ โฮมส์ ยูเอสเอ ปิดบวก 3.7% และหุ้นพัลท์ โฮมส์ ปิดบวก 1.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย. และเฟดจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 30 พย.: ดาวโจนส์ปิดบวก 34.92 จุด หลังแบงค์ชาติ UAE ยื่นมือแก้ปัญหาหนี้ดูไบ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากปัญหาหนี้สินของดูไบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องอัตราว่างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค แม้มีรายงานว่ายอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 34.92 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 10,344.84 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.14 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 1,095.63 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 6.16 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 2,144.60 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.35 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 18 ต่อ 13 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.02 พันล้านหุ้น
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินในดูไบหลังจากธนาคารกลางยูเออีประกาศให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารภายในประเทศและธนาคารต่างชาติ ด้วยการประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ โดยธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ดูไบ เวิลด์ รวมถึงธนาคาร HSBC, ธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ส
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วโลกตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่าบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวม 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี
อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนตัวผันผวนตลอดวันเนื่องจากความกังวลเรื่องอัตราว่างงานและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค แม้สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) รายงานว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.12 หมื่นล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจำนวนผู้ที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยตามร้านค้าและผู้ที่ซื้อของทางเว็บไซท์ในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าพุ่งขึ้นเป็น 195 ล้านคน จากปีที่แล้วที่ระดับ 172 ล้านคน
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นเมซีปิดลบ 3.9% หุ้นทาร์เก็ต กรุ๊ปปิดร่วง 2.4% หุ้นแซคส์ อิงค์ ปิดลบ 6.4% แต่หุ้นค้าปลีกออนไลน์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอีเบย์ อิงค์ ปิดบวก 5.4% และหุ้นอเมซอนปิดพุ่ง 3.2%
นักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อนำมาเป็นปัจจัยประกอบการซื้อขาย โดยวันอังคาร สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค.
วันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย. และเฟดจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนพ.ย. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.