วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก 11 Nov: ทองปิดลบ $14.8 เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด

 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่สดใส โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 14.8 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,861.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 19.5 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 24.267 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 24.6 ดอลลาร์ หรือ 2.76% ปิดที่ 868.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 154.60 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 2,316.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ระดับ 93.0452 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มตลาด และคาดหวังปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ซึ่งได้แก่ การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น วัคซีนที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ

กราฟทอง 12 Nov 2020 Double Bottom?

 


ทองทำรูปแบบ Double Bottom มีโอกาสกลับตัวขึ้นได้ แนะนำ ซื้อ SL ที่ใต้ Low เดิม

ตลาด Bitcoin และ Cryptocurrency ทั่วโลกเตรียมรับแรงกระแทกจากธนาคารกลางแห่งยุโรปในเร็ว ๆ นี้

 ราคา Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่นั้นได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้รับแรงหนุนจากผลการเลือกตั้งของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ

และดูเหมือนราคา bitcoin จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางแห่งยุโรปที่ได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า พวกเขากำลังเตรียมพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง

โดยนาง Christine Lagarde ประธานของธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ECB “ควรเตรียมพร้อมที่จะออกเงินยูโรดิจิทัลเป็นของตัวเอง” ซึ่งเธอเน้นย้ำถึงเรื่อง “ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานจากทั่วโลกที่กำลังจะส่งผลทบต่อธนาคารกลางยุโรป”

ในขณะนี้นักเทรดคริปโตต่างกำลังจับจ้องไปคำพูดของนายธนาคารกลางอาวุโสเกี่ยวกับเรื่องความก้าวหน้าของการวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และวิธีที่ผู้ว่าการรัฐคาดหวังให้ CBDC ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบันเช่น Bitcoin

“สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจะส่งผลดีต่อ Bitcoin” นาย Richard Paulsen หัวหน้าผู้บริหารของ Arcane Media and Research ในกรุงออสโลกล่าวผ่านอีเมลที่เขียนอธิบายว่า เขาคาดหวังให้ CBDC ส่งผลกระทบต่อตลาด Bitcoin และคริปโตอย่างไร

“โครงสร้างของ CBDC ในตลาดรายย่อยจะต้องอยู่ในรูปของโทเค็นอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นหมายความว่าเพื่อให้สามารถใช้เป็นวิธีการชำระเงินได้ โซลูชันการชำระเงินนี้จะต้องเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไปสู่ดิจิทัลอย่างแท้จริง สิ่งนี้จะทำให้ระบบอีคอมเมิร์ซสามารถสลับเปลี่ยนระหว่าง CBDC และ Bitcoin ในแต่ละธุรกรรมได้ง่ายขึ้น “

CBDC กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในหมู่นายธนาคารกลาง ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยในปี 2019 Facebook มีแผนสำหรับการเปิดเหรียญคริปโต Libra ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก bitcoin ซึ่งผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเกิดอาการตื่นกระหนกและกลัวว่าสกุลเงินดิจิทัลของ Facebook อาจเป็นตัวบ่อนทำลายนโยบายการเงินทั่วโลก

โดยเมื่อเดือนที่แล้ว Lagarde กล่าวว่าเธอต้องการทำให้ “แน่ใจก่อนว่าเงินยูโรนั่นเหมาะกับยุคดิจิทัลจริง ๆ ” ในแถลงการณ์ที่ควบคู่ไปกับการประกาศของ ECB เธอกล่าวว่า “เรายังไม่แน่ใจว่า เงินยูโรดิจิทัลจะใช้ได้ผล”

อย่างไรก็ตามนาย Fabio Panetta ประธานคณะทำงานระดับสูงของ Eurosystem ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า “เงินยูโรดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของยุโรปไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างแท้จริง” Panetta กล่าวเสริมด้วยว่า “นอกจากนี้มันยังมีส่วนช่วยในอธิปไตยทางการเงินและเสริมสร้างบทบาทการค้าระหว่างประเทศของเงินยูโรอีกด้วย”