ข่าวสาร ข้อมูล และเทคนิคการเทรด Forex,Cryptocurrency และทองคำ ติดต่อผู้เขียน Thaifxtrader@gmail.com
เปิดบัญชีเทรด Forex และ Crypto Currency ได้ง่ายๆ
วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 30 เม.ย.
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 29 เม.ย.: ยูโรพุ่งเทียบดอลล์ หลังนักลงทุนเชื่อมั่นกรีซไม่ผิดนัดชำระหนี้
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ระดับ 1.3242 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.3211 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.80% แตะระดับ 1.5322 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5201 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเพียง 0.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 94.060 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 94.020 เยน/ดอลลาร์ แต่ร่วงลง 0.22% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0824 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0848 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.25% แตะที่ 0.9274 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9251 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.85% แตะที่ 0.7232 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรมากขึ้น หลังจากนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า กรีซจะไม่ถูกปล่อยให้ล้มละลายจนกลายเป็นสาเหตุของวิกฤตการณ์การเงินในระบบแบบเดียวกับเลห์แมน บราเธอร์ส พร้อมกับเรียกร้องให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ธนาคารโลก องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) เร่งเจรจาเพื่อกู้วิกฤตการเงินของยุโรป หลังจากกรีซ โปรตุเกส และสเปน ถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือประกาศลดเครดิตภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง
"การวางแผนรับมือกับกรณีของกรีซทำให้เรารู้ว่า ทุกฝ่ายไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์ของกรีซลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายในระบบเศรษฐกิจเหมือนกับเลห์แมน บราเธอร์สได้ หากเสถียรภาพโดยรวมของยุโรปถูกคุกคามหรือตกอยู่ในอันตราย ชาติสมาชิกยุโรป รวมถึงเยอรมนี ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการกอบกู้เสถียรภาพให้กลับคืนมา" นางแมร์เคลกล่าว
ความเคลื่อนไหวของเยอรมนีในครั้งนี้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพเศรษฐกิจในยุโรป หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อของกรีซลงสู่ระดับไม่น่าลงทุน หรือระดับขยะ (junk status) และลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ A- จากระดับ A+ พร้อมกับให้แนวโน้มเป็นลบ และหลังจากนั้นเพียงวันเดียว เอสแอนด์พีได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA จากระดับ AA+
นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากรัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนเม.ย.ลดลงแตะ 8.1% จากระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ขณะที่จำนวนผู้ว่างงานลดลง 162,000 คน มาอยู่ที่ 3.4 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 82 ล้านคน
วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 29 เม.ย.
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 28 เม.ย.: ดอลล์ร่วงเทียบยูโร หลัง FED ตรึงดอกเบี้ย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.24% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3195 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.3163 ยูโร/ดอลลาร์ และอ่อนลง 0.21% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0859 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0882 ฟรังค์/ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้น 1.14% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.180 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 3.120 เยน/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5183 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5243 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.08% แตะที่ 0.9246 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9147 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.25% แตะที่ 0.7197 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7108 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากคณะกรรมการเฟดเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งดอกเบี้ยที่ระดับต่ำส่งผลให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าต่ำลงไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรเคลื่อนตัวผันผวนและดิ่งลงไปสู่ระดับต่ำสุดในระหว่างวัน หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA จากระดับ AA+ เนื่องจากเศรษฐกิจสเปนชะลอตัวลง
การลดอันดับเครดิตของสเปนมีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เอสแอนด์พีได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อของกรีซลงสู่ระดับไม่น่าลงทุน หรือระดับขยะ (junk status) และลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ A- จากระดับ A+ พร้อมกับให้แนวโน้มเป็นลบ ส่งผลให้ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป วางแผนเข้าประชุมร่วมกับนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขวิกฤตการณ์การเงินของกรีซที่กำลังลุกลามไปทั่วทวีปยุโรป
นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาความเคลื่อนไหวของนางแมร์เคล ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ และประธานธนาคารกลางยุโรป ว่าจะส่งสัญญาณในเชิงบวกออกมาบ้างหรือไม่ หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อของกรีซและโปรตุเกส ซึ่งความเคลื่อนไหวของเอสแอนด์พีครั้งนี้ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า วิกฤตหนี้สินในยุโรปอาจลุกลามจนยากที่จะควบคุมได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ตลาดพันธบัตรของโปรตุเกสดิ่งลงอย่างหนักด้วย
วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 27 เม.ย: ยูโรร่วงหนัก จากข่าว S&P หั่นเครดิตกรีซ-โปรตุเกส
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3174 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3395 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 1.29% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5251 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.46% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0876 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0720 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ร่วงลง 0.82% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.170 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.940 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.31% แตะที่ 0.9144 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9265 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.69% แตะที่ 0.7105 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7227 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จากอาร์บีซี แคปิตอล กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในยุโรปส่งผลให้เทรดเดอร์กระหน่ำขายยูโรอย่างหนัก หลังจากเอสแอนด์พี ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่ "ระดับขยะ" หรือ "junk status" และลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ A- จากระดับ A+
ทั้งนี้ แม้มีรายงานว่ารัฐบาลกรีซได้ยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) อย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าจำนวนเงินดังกล่าวอาจไม่มากพอ และอาจทำให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าแผนการช่วยเหลือกรีซอาจชะงักงัน หลังจากนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีประกาศว่าจะยังไม่ให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนแก่กรีซจนกว่ากรีซจะกำหนดแผนการระยะยาวในการลดตัวเลขขาดดุลบัญชีงบประมาณ
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 57.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์สในเดือนก.ย.ปี 2551 เพราะได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงานมากขึ้น นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 53.5 จุด
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ รวมถึงนักวิเคราะห์จากพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่กรอบ 0-0.25% ในการประชุมที่จะเสร็จสิ้นลงในคืนนี้ (28 เม.ย.) ตามเวลาประเทศไทย และคาดว่าคณะกรรมการเฟดจะประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นด้วย
การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณการฟื้นตัวในหลายภาคส่วน รวมถึงตัวเลขจ้างงาน ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และภาคการผลิต ที่ขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.พุ่งสูงขึ้น 27% แตะระดับ 411,000 ยูนิตต่อปี และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.ที่ไม่นับรวมยอดสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมขนส่งขยายตัวสูงเกินคาดที่ระดับ 2.8%
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 28 เม.ย.
วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 27 เม.ย.
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 26 เม.ย. : ปัญหาหนี้สินกรีซ หนุนดอลล์พุ่งเทียบยูโร
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ ทำให้นักลงทุนแห่เทขายสกุลเงินยูโร ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันข้างหน้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.3367 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3383 ยูโร/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.030 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.910 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0737 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0724 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนค่าลง 0.49% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5453 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5377 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.14% แตะที่ 0.9263 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9276 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.71% แตะที่ 0.7219 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7168 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินยูโรถูกเทขายเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้สินของกรีซ ซึ่งแม้รัฐบาลกรีซได้ขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เป็นวงเงินมูลค่า 4.5 หมื่นล้านยูโรเมื่อวันศุกร์ แต่นักลงทุนยังคงกังวลว่าความช่วยเหลือดังกล่าวไม่มากพอที่จะแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซและจะทำให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซมีมากขึ้นเมื่อนางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า กรีซต้องปฏิบัติตามมาตรการรัดเข็มขัดอย่างต่อเนื่อง และต้องแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของกรีซสามารถกลับมาขยายได้อีกครั้งก่อนที่เยอรมนีจะอนุมัติความช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังของเยอรมนีกล่าวว่า เยอรมนีมีความตั้งใจที่จะให้ความช่วยเหลือกรีซ แต่รัฐสภาเยอรมนีจะไม่อนุมัติเรื่องดังกล่าวจนกว่ากรีซจะเสร็จสิ้นการเจรจาร่วมกับไอเอ็มเอฟและอียูในเรื่องการวางแผนลดยอดขาดดุลภายในประเทศของกรีซ
นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง ซึ่งอาจปูทางไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันข้างหน้า ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย โดยวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.พ., สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนเม.ย. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนมี.ค.
วันพุธ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ จะประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และเฟดสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมี.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกปี 2553
วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 26 Apr 2010
Technical Analysis สัปดาห์ที่ 26-30 เม.ย.
EUR/USD trend: sell.
GBP/USD trend: sell.
USD/JPY trend: hold.
EUR/JPY trend: sell.
GBP/JPY trend: sell.
Floor Pivot Points | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
Pair | 3rd Sup | 2nd Sup | 1st Sup | Pivot | 1st Res | 2nd Res | 3rd Res |
EUR/USD | 1.2894 | 1.3048 | 1.3216 | 1.3369 | 1.3537 | 1.3691 | 1.3858 |
GBP/USD | 1.4937 | 1.5064 | 1.5219 | 1.5346 | 1.5500 | 1.5627 | 1.5781 |
USD/JPY | 89.52 | 90.56 | 92.25 | 93.29 | 94.99 | 96.02 | 97.72 |
EUR/JPY | 121.03 | 122.10 | 123.93 | 124.99 | 126.82 | 127.88 | 129.71 |
GBP/JPY | 135.59 | 137.48 | 140.96 | 142.85 | 146.33 | 148.22 | 151.69 |
วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 22 เม.ย.: ยูโรร่วงหนัก หลังยอดขาดดุลงบประมาณกรีซสูงเกินคาด
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.04% แตะที่ 1.3296 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.3436 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.23% แตะที่ 1.5368 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5403 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.540 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 93.130 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.67% แตะที่ระดับ 1.0775 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0703 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.22% แตะที่ 0.9277 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9257 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 0.7105 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7089 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนัก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า ยอดขาดดุลงบประมาณในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ หรือ ยูโรโซน เพิ่มขึ้นแตะ 6.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2552 ซึ่งมากกว่าสองเท่าของที่อียูกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 3% ของจีดีพี
ยูโรสแตทระบุว่า ไอร์แลนด์และกรีซเป็นประเทศที่มียอดขาดดุลงบประมาณสูงสุดในยูโรโซน โดยไอร์แลนด์มียอดขาดดุลงบประมาณคิดเป็น 14.3% ของจีดีพี ขณะที่กรีซมียอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 13.6% ของจีดีพี
ส่วนหนี้สาธารณะรวมทุกรัฐบาลในยูโรโซนเพิ่มขึ้นแตะ 78.7% ของจีดีพีในปีที่แล้ว จากระดับ 69.4% ในปี 2551
ขณะที่ยอดขาดดุลงบประมาณของ 27 ประเทศสมาชิกอียู ซึ่งรวมถึงประเทศที่ไม่ใช้เงินยูโร รวมเพิ่มขึ้นแตะ 6.8% ของจีดีพี จากระดับ 2.3% ส่วนหนี้สาธารณะพุ่งแตะ 73.6% ซึ่งเกินจากที่อียูกำหนดไว้ที่ 60%
ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลงสู่ระดับ A3 จากระดับ A2 และเตือนว่าจะลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีกหากวิกฤตการณ์หนี้สินของกรีซรุนแรงมากขึ้น
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 6.8% แตะที่ 5.35 ล้านยูนิต เนื่องจากชาวอเมริกันใช้ประโยชน์จากโครงการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้าน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 24,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 456,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 455,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์ โดยสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 23 เม.ย.
วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 22 เม.ย.
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 21 เม.ย.: ยูโรร่วงเทียบดอลล์ เหตุวิตกแผนช่วยเหลือกรีซล่าช้า
ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ ทั้งจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู)
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.33% แตะที่ระดับ 1.3392 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3436 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.20% แตะที่ระดับ 1.5401 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5370 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.05% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 93.180 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 93.230 เยน/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0698 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0683 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.44% แตะที่ 0.9277 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9318 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.20% แตะที่ 0.7100 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7114 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินยูโรร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ห้าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจยุโรป รวมทั้งความล่าช้าในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ และต้นทุนการกู้ยืมของกรีซที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี
รายงานระบุว่า รัฐบาลกรีซได้เริ่มการเจรจากับเจ้าหน้าที่อียูและไอเอ็มเอฟในวันพุธ เกี่ยวกับข้อตกลงความช่วยเหลือซึ่ง
อาจเสนอเงินกู้ให้กับกรีซ 4-4.5 หมื่นล้านยูโร อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่จะมีการสรุปแผนการให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซทำให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์สหรัฐเพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา หลังจากธนาคารกลางแคนาดาส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของแคนาดายืนอยู่ที่ 0.25% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25%
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่นักลงทุนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ โดยวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.
วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 21 เม.ย.
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 20 เม.ย.: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร หลังโกลด์แมน แซคส์ เผยผลประกอบการแข็งแกร่ง
ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3443 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3484 ยูโร/ดอลลาร์ แต่ดิ่งลง 0.23% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5371 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5336 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.78% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.150 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 92.430 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.47% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0679 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0629 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.82% แตะที่ 0.9316 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9240 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.17% แตะที่ 0.7108 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7120 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจาก โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกของปี 2553 พุ่งขึ้นเกือบสองเท่า มาอยู่ที่ระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 5.59 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากระดับ 1.81 พันล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 3.39 ดอลลาร์ในปีก่อน เนื่องจากธุรกิจค้าหลักทรัพย์ของบริษัททำรายได้แข็งแกร่งแซงหน้าบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมการเงิน
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์ ยังคงเผชิญกับแรงกดดันหลังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐได้ยื่นฟ้อง โกลด์แมน แซคส์ ที่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับตราสารหนี้ ABACUS 2007-AC1 ต่อนักลงทุน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ โดย ABACUS 2007-AC1 เป็นตราสารหนี้ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ ตราสารซีดีโอ (collateralized debt obligation)
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทะยานขึ้นเนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หลังจากเศรษฐกิจและการจ้างงานในออสเตรเลียขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.
วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 19 เม.ย.: ดอลล์พุ่ง จากข่าวฟ้องโกลด์แมนแซคส์-แผนช่วยเหลือกรีซล่าช้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3484 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3496 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.410 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 92.150 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0633 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0608 ฟรังค์/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5329 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5358 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.12% แตะที่ 0.9232 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9243 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.10% แตะที่ 0.7089 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนยังคงถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นับตั้งแต่มีข่าวว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ยื่นฟ้อง โกลด์แมน แซคส์ ในกรณีที่ทางบริษัทไม่ได้เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ ABACUS 2007-AC1 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายรวมถึงธนาคารไอเคบี ของเยอรมนี และธนาคารเอบีเอ็น อัมโร ของเนเธอร์แลนด์
นอกจากนี้ นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์หนาแน่นขึ้นเมื่อมีรายงานว่า แผนการให้ความช่วยเหลือกรีซซึ่งเดิมกำหนดไว้ว่าจะมีการประกาศในวันจันทร์ ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันพุธ เนื่องจากการเดินทางทั่วโลกได้รับผลกระทบจากเขม่าควันภูเขาไฟที่ปกคลุมเหนือน่านฟ้ายุโรป โดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ระบุว่าอุตสาหกรรมสายการบินกำลังสูญเสียรายได้ถึงราว 250 ล้านดอลลาร์/วัน เนื่องจากเหตุภูเขาไฟที่ไอซ์แลนด์ปะทุ จนเป็นเหตุให้น่านฟ้ายุโรปถูกปกคลุมด้วยเขม่าควันหนาทึบ
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.0% และยังทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพลังงานจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ส่วนวันศุกร์ จะมีการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 20 เม.ย.
วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 19 เม.ย.
คำแนะนำ : Long ที่ระดับเหนือ 1.346 targets @ 1.353 & 1.3565
หากราคาลงต่ำกว่า 1.3460 เป้าหมายด้านล่างคือ 1.3440 & 1.3410
ข้อสังเกต : RSI มีแรงลงน้อย
ปล. จากข่าวภูเขาไฟระเบิดและการปิดสนามบินทั่วยุโรป อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรร่วงลงได้ โปรดระมัดระวัง
Key levels
1.3595
1.3565
1.3530
1.3505 last
1.3460
1.3440
1.3410
Technical Analysis สัปดาห์ที่ 19-23 เม.ย.
EUR/USD trend: sell.
GBP/USD trend: sell.
USD/JPY trend: hold.
EUR/JPY trend: sell.
GBP/JPY trend: sell.
Floor Pivot Points | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
Pair | 3rd Sup | 2nd Sup | 1st Sup | Pivot | 1st Res | 2nd Res | 3rd Res |
EUR/USD | 1.3191 | 1.3332 | 1.3411 | 1.3551 | 1.3630 | 1.3771 | 1.3850 |
GBP/USD | 1.5095 | 1.5215 | 1.5282 | 1.5403 | 1.5469 | 1.5590 | 1.5657 |
USD/JPY | 89.64 | 90.77 | 91.47 | 92.60 | 93.29 | 94.42 | 95.12 |
EUR/JPY | 119.17 | 121.51 | 122.97 | 125.32 | 126.78 | 129.13 | 130.59 |
GBP/JPY | 136.56 | 138.95 | 140.26 | 142.64 | 143.95 | 146.34 | 147.64 |
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 16 เม.ย.: ดอลลาร์-เยนพุ่ง หลัง SEC ฟ้องโกลด์แมน แซคส์ ฉุดหุ้นร่วง
เงินดอลลาร์สหรัฐและเยนทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันที่ 16 เม.ย. เนื่องจากนักลงทุนลดการซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และหันมาเข้าซื้อดอลลาร์และเยนซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยกว่า หลังจากที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ฟ้องโกลด์แมน แซคส์ ด้วยข้อหาฉ้อโกงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีสินเชื่อซับไพรม์หนุนหลัง
ดอลลาร์สหรัฐและเยนมักจะได้รับอานิสงส์ เมื่อนักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกันอย่าง หุ้น และ สินค้าโภคภัณฑ์ โดยเมื่อคืนนี้นักลงทุนแห่เทขายหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมันและโลหะมีค่าจนทรุดลงอย่างหนัก
สำหรับเงินยูโรนั้น ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่สองเมื่อเทียบกับเงินเยน จากกระแสคาดการณ์ว่ากรีซอาจจำเป็นต้องขอรับความช่วยเหลือจากมาตรการมูลค่า 4.5 หมื่นล้านยูโรของอียู เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.55% แตะที่ 1.3504 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3579 นอกจากนี้เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.96% แตะที่ 124.39 เยน จากระดับ 126.31 เยนในวันก่อน และขยับลง 0.08% เมื่อเทียบฟรังค์สวิส แตะ 1.4326 จากระดับ 1.4338 แต่แข็งค่าขึ้น 0.16% เมื่อเทียบปอนด์ แตะ 0.8774 จากระดับ 0.8760 ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบเยน ปรับตัวลง 0.96% แตะ 92.100 จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 92.990 เยน แต่บวกขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0608 จากระดับ 1.0553 ฟรังค์ และพุ่งขึ้น 1.13% เมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา แตะ 1.0131 จากระดับ 1.0018 ในวันพฤหัสบดี
ค่าเงินปอนด์เทียบดอลลาร์สหรัฐ ร่วงลง 0.73% แตะ 1.5387 จากระดับ 1.5500 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วง 1.07% แตะที่ 0.9250 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9350 และเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ อ่อนตัวลง 0.48% แตะที่ 0.7091 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7125
SEC กล่าวว่า โกลด์แมน แซคส์ หลอกลวงนักลงทุนด้วยการปิดบังผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อซับไพรม์หนุนหลังหรือค้ำประกัน โดย SEC ระบุในแถลงการณ์ว่า โกลด์แมน แซคส์ กล่าวบิดเบือนและละเว้นการเปิดเผยข้อเท็จจริงที่สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีสินเชื่อบ้านด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ค้ำประกัน ในช่วงเวลาที่ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเริ่มทรุดลง
ข่าวโกลด์แมน แซคส์ ส่งผลให้เกิดแรงขายกดดันในหลายๆตลาด ตั้งแต่ตลาดหุ้นไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดเงิน โดยปัจจัยดังกล่าวผลักดันให้นักลงทุนหลีกหนีไปหาทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า อย่างเงินเยนและดอลลาร์สหรัฐ และลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินต่างๆ อาทิ ยูโร ปอนด์ และดอลลาร์แคนาดา
วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553
ประธาน FED คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีลุ้นขยายตัวดีขึ้น ใน 3 ไตรมาส
เบอร์นันเก้กล่าวด้วยว่า การเสริมสร้างสถานะการคลังให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในระยะยาวถือเป็นงานท้าทายของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยคาดว่าสหรัฐฯจะมียอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้สูงถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลง รวมทั้งการที่รัฐบาลได้นำเงินคงคลังไปใช้จ่ายในการกอบกู้เศรษฐกิจ สร้างงาน และสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน
การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้สอดคล้องกับที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า อันดับความน่าเชื่อพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯอาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในอนาคต หากรัฐบาลไม่เร่งใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐฯ กล่าวตอบโต้ในเวลาต่อมาว่า สหรัฐฯไม่ได้อยู่ในความเสี่ยงจนถึงขั้นที่จะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA แม้คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯอาจจะสูงถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2553 ก็ตาม
FED ออกรายงานชี้เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐฯขยายตัว
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจาก FED ทั้ง 12 เขตในสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. โดยในรายงานระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ขยายตัวขึ้น ยกเว้นเขตเซนต์หลุยส์เพียงแห่งเดียวที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ
ส่วนยอดค้าปลีกและยอดขายรถยนต์ รวมทั้งผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐฯขยายตัวขึ้นแข็งแกร่ง ยกเว้นเขตเซนต์หลุยส์ -ณะที่ตลาดแรงงานในภูมิภาคส่วนใหญ่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการจ้างพนักงานชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานที่ยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 9.7% สะท้อนให้เห็นว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐฯยังคงเป็นปัญหาท้าทาย แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.ก็ตาม โดยเฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.8%
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังฟื้นตัวขึ้น แต่สหรัฐฯก็ยังเผชิญกับปัญหาท้าทายอีกมาก รวมถึงอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยหากอัตราว่างงานยืนอยู่ในระดับสูงนานเกินไป ก็จะส่งผลบั่นทอนทักษะการทำงานของพนักงาน และจะยิ่งทำให้รายได้ระยะยาวปรับตัวลดลงด้วย
ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานที่จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ โดย FED จะเปิดเผยรายงาน Beige Book ปีละ 8 ครั้ง