วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก 11 Nov: ทองปิดลบ $14.8 เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด

 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่สดใส โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 14.8 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,861.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 19.5 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 24.267 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 24.6 ดอลลาร์ หรือ 2.76% ปิดที่ 868.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 154.60 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 2,316.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ระดับ 93.0452 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มตลาด และคาดหวังปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ซึ่งได้แก่ การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น วัคซีนที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ

กราฟทอง 12 Nov 2020 Double Bottom?

 


ทองทำรูปแบบ Double Bottom มีโอกาสกลับตัวขึ้นได้ แนะนำ ซื้อ SL ที่ใต้ Low เดิม

ตลาด Bitcoin และ Cryptocurrency ทั่วโลกเตรียมรับแรงกระแทกจากธนาคารกลางแห่งยุโรปในเร็ว ๆ นี้

 ราคา Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่นั้นได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังได้รับแรงหนุนจากผลการเลือกตั้งของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ

และดูเหมือนราคา bitcoin จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางแห่งยุโรปที่ได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า พวกเขากำลังเตรียมพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง

โดยนาง Christine Lagarde ประธานของธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ECB “ควรเตรียมพร้อมที่จะออกเงินยูโรดิจิทัลเป็นของตัวเอง” ซึ่งเธอเน้นย้ำถึงเรื่อง “ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานจากทั่วโลกที่กำลังจะส่งผลทบต่อธนาคารกลางยุโรป”

ในขณะนี้นักเทรดคริปโตต่างกำลังจับจ้องไปคำพูดของนายธนาคารกลางอาวุโสเกี่ยวกับเรื่องความก้าวหน้าของการวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และวิธีที่ผู้ว่าการรัฐคาดหวังให้ CBDC ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบันเช่น Bitcoin

“สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจะส่งผลดีต่อ Bitcoin” นาย Richard Paulsen หัวหน้าผู้บริหารของ Arcane Media and Research ในกรุงออสโลกล่าวผ่านอีเมลที่เขียนอธิบายว่า เขาคาดหวังให้ CBDC ส่งผลกระทบต่อตลาด Bitcoin และคริปโตอย่างไร

“โครงสร้างของ CBDC ในตลาดรายย่อยจะต้องอยู่ในรูปของโทเค็นอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นหมายความว่าเพื่อให้สามารถใช้เป็นวิธีการชำระเงินได้ โซลูชันการชำระเงินนี้จะต้องเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไปสู่ดิจิทัลอย่างแท้จริง สิ่งนี้จะทำให้ระบบอีคอมเมิร์ซสามารถสลับเปลี่ยนระหว่าง CBDC และ Bitcoin ในแต่ละธุรกรรมได้ง่ายขึ้น “

CBDC กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในหมู่นายธนาคารกลาง ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยในปี 2019 Facebook มีแผนสำหรับการเปิดเหรียญคริปโต Libra ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก bitcoin ซึ่งผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเกิดอาการตื่นกระหนกและกลัวว่าสกุลเงินดิจิทัลของ Facebook อาจเป็นตัวบ่อนทำลายนโยบายการเงินทั่วโลก

โดยเมื่อเดือนที่แล้ว Lagarde กล่าวว่าเธอต้องการทำให้ “แน่ใจก่อนว่าเงินยูโรนั่นเหมาะกับยุคดิจิทัลจริง ๆ ” ในแถลงการณ์ที่ควบคู่ไปกับการประกาศของ ECB เธอกล่าวว่า “เรายังไม่แน่ใจว่า เงินยูโรดิจิทัลจะใช้ได้ผล”

อย่างไรก็ตามนาย Fabio Panetta ประธานคณะทำงานระดับสูงของ Eurosystem ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า “เงินยูโรดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของยุโรปไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างแท้จริง” Panetta กล่าวเสริมด้วยว่า “นอกจากนี้มันยังมีส่วนช่วยในอธิปไตยทางการเงินและเสริมสร้างบทบาทการค้าระหว่างประเทศของเงินยูโรอีกด้วย”


วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

8 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจคืนนี้ ทองทะยานกว่า $1,800 ตลาดสหรัฐเตรียมเปิดแดนผสม

กราฟทองคำ 8 ก.ค.


ทองคำมีโอกาสทำรูปแบบ Head and Shoulder ซึ่งมีโอกาสกลับตัวได้ เนื่องจากเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 12 ปี
แนะนำ  Sell โดยมี SL เหนือแนวต้าน 1800 เช่น SL 1805-1810   หรือรอ Sell บริเวณไหล่ขวาโซน  1790 


8 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจเช้านี้ ตลาดทรงตัวราชอาณาจักรเตรียมประกาศงบประมาณกระตุ้นตัวใหม่

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

นิวยอร์ก’ ปลด Lockdown เฟส 3 แล้ว !! หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว

นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า #นิวยอร์กจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการเปิดเมืองระยะที่ 3 แล้ว
.
👉🏻👉🏻ร้านทำเล็บ และร้านการบริการดูแลส่วนบุคคล เช่น สปา ห้องอบผิวแทน ร้านทำผม ร้านสัก และพื้นที่นันทนาการกลางแจ้ง ได้มีการอนุญาติให้เปิดดำเนินการตามปกติได้แล้ว
.
⛔️...แต่จะยังไม่อนุญาตให้มีการรับประทานอาหารภายในร้านอาหารที่เป็นพื้นที่ปิด ซึ่งนิวยอร์กเคยเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ระดับโลก⛔️ #นิวยอร์กจะเริ่มเปิดเมืองระยะที่ 3 ในวันจันทร์ที่ 6 ก.ค.นี้
.
==============
📌ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ยังเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป เช่น..
⚠️#การเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing)
⚠️#การใช้เจลทำความสะอาดมือ
⚠️#การสวมหน้ากากอนามัย
.
📌ทั้งยังสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นรักษาหน้าที่ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดเมืองจะดำเนินไปด้วยความปลอดภัย
.
==============
👉🏻👉🏻อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นครนิวยอร์ก ได้มีการเปิดตัวแผนริเริ่มการรับประทานอาหารกลางแจ้ง โดยจะจัดร้านอาหารกลางแจ้งบนถนนคนเดิน 22 สายของเมือง เพื่อส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารท้องถิ่น
.
.
ทั้งนี้การปลดล็อกเฟส 3 #อาจช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ มากยิ่งขึ้น และตัวเลขคนทำงานอาจเริ่มกลับมาดีขึ้น
.
 #สัปดาห์นี้อาจจะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง #ดัชนีดอลล่าร์ยังอยู่ในกรอบทิศทางขาลง
.
ปัจจัยนี้ มีแนวโน้มอาจทำให้มุมมองของนักลงทุน ถือครองเงินสดน้อยลง และย้ายเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นมากยิ่งขึ้น
.
==============
Source : https://www.nytimes.com/…/nyc-phase-3-reopening-coronavirus… , https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/888138…
เรียบเรียงโดย : พอร์ตฟ้า Society
JamesBond รายงาน
สนับสนุนเราโดยเปิดบัญชีเทรด สเปรดต่ำ ฝากถอนไว ได้ที่ 
1. Exness :  https://www.exness.com/a/uh16i33c เทรดได้ทั้ง Crypto ทอง และ Forex

7 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจเช้านี้ แถลงการณ์ AUD จีนพร้อมโต้เรือสหรัฐ

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

สรุปมุมมองจากนักวิเคราะห์ต่างๆทั่วโลก

#เศรษฐกิจโลกในยุคไวรัสโควิด ขาลงนั้นเปรียบเสมือนการลงลิฟต์แต่ขาขึ้นนั้นกลับต้องค่อยๆขึ้นบันได...
นั้นคือคำพูดสรุปของมุมมองจากนักวิเคราะห์ต่างๆทั่วโลก ที่ยิ่งวันยิ่งรู้สึกว่าความหวังของการรีบาวด์รูปตัว V-Shape กำลังจางหายไป มุมมองต่างๆกำลังเริ่มเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจคงยังไม่ฟื้นกลับมาถึงจุดเดิมจนกว่าจะถึงอีก 2 ปีหน้าหรือในปี 2022
📝 เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2020 และก็ยังคงถูกกดดันอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด โดยไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนเลยที่เชื่อว่าจะเกิดการฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมในปีนี้ได้ และหากจะกลับมาเหมือนเดิมได้ในปีหน้า (2021) ก็ต้องมีหลายๆอย่างที่ต้องเกิดขึ้นอย่างถูกต้องตามแผนเป๊ะๆ #แต่การที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนภายใต้ภาวะไม่แน่นอนของไวรัสนั้น ช่างเป็นสิ่งที่ยากลำบากเหลือเกิน
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีนั้น นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เคยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะต้องขยายตัวอย่างสดใสแน่ๆ เพราะข้อตกลงทางการค้าของสหรัฐและจีนนั้นเพิ่งเซ็นกันไปสำเร็จ หลังจากที่สงครามการค้านั้นกดดันเศรษฐกิจโลกมาตลอดเกือบปีครึ่ง
แต่... การระบาดของไวรัสที่ไม่มีใครคาดคิดนั้นได้ทำลายความหวังของนักลงทุนไปอย่างสิ้นเชิง ทางเดียวที่โลกจะป้องกันโรคระบาดที่ไม่เคยพบเจอนี้ได้ก็คือการทำ 'The Great Lockdown' หรือการปิดเมืองปิดประเทศเพื่อควบคุมไม่ให้มีการระบาดของไวรัส
การหยุดชะงักของเศรษฐกิจโลกแบบปิดสวิตช์นั้นบังคับให้ธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกตอบโต้ด้วยการอัดฉีดเงินหลายล้านล้านเหรียญเข้าไปในระบบการเงิน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดแบบที่โลกไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นทางเดียวที่จะทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบการเงินและบริษัทต่างๆนั้นล้มละลาย และคงต้องให้ความช่วยเหลือไปยาวๆจนกว่าไวรัสระบาดจะกลายเป็นอดีต
ถึงแม้จะได้รับการช่วยเหลือเหล่านี้ แต่โลกก็ยังคงต้องประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิด The Great Depression หรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อเกือบ 100 ปีก่อน...
1️⃣ การ Rebound กับ Recovery นั้นต่างกัน
ถึงแม้ว่าหลังจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบจะช่วยให้ตัวเลขเศรษฐกิจในบางส่วนนั้นดีขึ้น สายป่านของบริษัทต่างๆที่ยาวขึ้นประกอบกับการปลดคลาย Lock Down เริ่มทำให้ยอดการผลิตและการค้าปลีกในบางประเทศนั้นดีดตัวกลับมาได้คล้ายๆกับรูปตัว V และได้สร้างความหวังและความมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกครั้ง
แต่... นาย Carmen Reinhart หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกได้กล่าว “อย่าสับสนรหหว่างการดีดกลับ (Rebound) กับ การฟื้นตัว (Recovery) เพราะทั้ง 2 อย่างนั้นต่างกัน การดีดกลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น แต่การฟื้นตัวอย่างแท้จริงนั้นหมายว่าเราต้องกลับไปอยู่ในจุดที่เหมือนก่อนวิกฤตเริ่มต้นขึ้น และ #ผมคิดว่าเรายังอยู่ไกลมากจากจุดนั้น
2️⃣ เวลาแห่งความไม่แน่นอน (Uncertain Times)
การฟื้นตัวอย่างแท้จริงนั้นฝากความหวังหลักๆไว้กับการควบคุมการระบาดของไวรัสและการผลิตวัคซีน แต่ถามว่าโลกเรานั้นเข้าใจถึงไวรัสนี้อย่างถ่องแท้ที่จะมั่นใจได้ว่าจะมีวัคซีนมาใช้ในปีหน้าแล้วหรือ ? องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงเตือนว่าการระบาดครั้งใหญ่ยังคงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะนี้โลกเรามีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 11.3 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 5.3 แสนรายไปแล้ว และแม้แต่ในประเทศที่มีเราคิดว่าเคยควบไวรัสไว้ได้แล้วก็ยังมีการระบาดปรากฏมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ...
3️⃣ มุมมองจาก IMF
กองทุนการเงินระหว่างประเทศนั้นคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ ยังจะมีประเทศอีกกว่า 170 ประเทศหรือเกือบ 90% ของประเทศทั่วโลก ที่ประชาชนยังคงจะมีรายได้ต่อหัวต่ำกว่าช่วงต้นปีนี้ก่อนที่จะเกิดไวรัสระบาด หรือเป็นภาพที่กลับหัวอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ช่วงต้นปีทาง IMF นั้นมองว่าจะมี 160 ประเทศที่รายได้ต่อหัวในปีนี้จะโตสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว
3️⃣ มุมมองจาก HSBC
ยังคงเชื่อว่า GDP ของโลกโดยรวมเมื่อสิ้นสุดปีหน้านั้นยังจะยังคงต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้ว หรือสรุปง่ายๆว่า #ต่อให้ใช้เวลาถึง2ปีเศรษฐกิจโลกก็คงจะยังไม่กลับมาเหมือนจุดเดิม ทาง Janet Henry นักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC กล่าวจากตัวเลขคาดการณ์ GDP ของทางสถาบัน
4️⃣ มุมมองจากผู้นำธนาคารกลางต่างๆของโลก
ธนาคารกลางทั่วโลกส่วนมากยังคงไม่ #การ์ดตก โดยทาง Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้เตือนว่า “สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง” และทางด้าน Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรปก็เห็นด้วยและได้เสริมว่า "การฟื้นตัวกำลังถูกจำกัด” ซึ่งบางส่วนอาจจะเปลี่ยนรูปแบบของเศรษฐกิจยุโรปไปอย่างถาวร
5️⃣ นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg
6 เดือนที่แล้ว Covid-19 ไม่ได้อยู่ในเรดาร์ของใครเลย ! สามเดือนต่อมามีความหวังว่าเราจะควบคุมมันได้ยังคงมีอยู่ ... แต่ตอนนี้หลายฝ่ายเริ่มเข้าใจแล้วว่าการระบาดใหญ่นั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และการที่จะให้กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมนั้นอาจต้องพึ่งวัคซีนเป็นหลัก
ถึงแม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเข้มจ้น แต่ผลกระทบที่เกิดจากการว่างงานสูงและความไม่แน่นอนนั้นทำให้ทางเราต้องปรับลดประมาณการ GDP ของทั้งปี 2020 และ 2021 ลง
ประเทศทางแถบเอเชียเป็นประเทศแรกๆที่สามารถควบคุมไวรัสระบาดได้ แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศที่ควบคุมได้นั้นยังคงแตกต่างกันไป ทางด้านจีนนั้นดูเหมือนเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจทางเกาหลีใต้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และที่สำคัฐทั้งสองประเทศที่กลับมาเปิดเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งนั้นก็ยังคงเกิดเหตุระบาดใหม่ๆอยู่เป็นหย่อมๆ ทำให้ความไม่แน่นอนยังคงสูง
7️⃣ การฟื้นตัวดูเหมือนจะเป็นตัว #W เสียมากกว่า
การฟื้นตัวรูปแบบ V ที่ทุกคนคาดหวังกำลังหดหายไป และการฟื้นตัวแบบ W นั้นดูเหมือนจะเป็นไปได้มากกว่า เพราะความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ยังหลงเหลืออยู่ในตลาดนั้นอาจจะยังอยู่กับเราไปอีกอย่างน้อยถึงสิ้นสุดปี 2021
8️⃣ World Bank เป็นห่วงระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
ธนาคารโลกนั้นเป็นห่วงกลุ่ม Emerging Market มากที่สุด เพราะหลายๆประเทศอาจจะไม่ได้มีสายป่านทางการเงินที่ยาวพอจะรับมือกับการปิดประเทศได้นานเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยทางธนาคารโลกคาดว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้ที่เคยเป็นตัวนำในการดึงเศรษฐกิจโลกให้โตนั้น จะมี GDP หดตัวที่ -2.5% หรือเป็นการลดลงโดยรวมที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
9️⃣ การจ้างงานจะหายไป #400ล้านตำแหน่งทั่วโลก
ตัวเลขคนตกงานที่เราอาจชินคือ 40 ล้านรายในสหรัฐ แต่หากนับจำนวนคนที่อาจตกงานในวิกฤตครั้งนี้นั้นแาจจะมีสูงกว่านั้นถึง 10 เท่า ! หากรวมผู้ตกงานทั่วโลก ทางด้านองค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ International Labour Organization ได้ออกมาให้ตัวเลขคาดการณ์นี้
นี่ยังคงเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเพราะนักวิเคราะห์หลายๆคนนั้นยังมองไม่ออกถึงผลกระทบที่แท้จริง โดยทาง Alicia Garcia Herrero หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Natixis ได้กล่าวไว้ว่า "การที่ธนาคารกลางออกมาให้บริษัทต่างๆกู้ยืมเงินครั้งใหญ่นั้น จะต้องมีผลข้างเคียงแน่ๆ นอกจากหนี้ของธนาคารกลางจะสูงขึ้นแล้ว ประเทศต่างๆยังไม่แน่ใจว่าบริษัทไหนที่จะสามารถนำเงินกลับมาคืนในระบบได้"
ทาง Alicia ได้กล่าวว่าสิ่งที่น่ากลัวคือธนาคารกลางต่างๆ #อาจไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้เงินเลี่ยงบริษัทซอมบี้อยู่ ซึ่งการต่อชีวิตบริษัทเหล่านี้อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรต่อเศรษฐกิจโดยรวม
[ ที่มาและกราฟต่างๆรวมอยู่ในคอมเมนท์นะครับ ]
📌 และนี่ก็คือบทสรุปมุมมองเศรษฐกิจโลกจากนักวิเคราะห์ทั่วโลก
โดยทั้งหมดนั้นต่างเริ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “The crisis is far from over” หรือ #วิกฤติยังคงไม่จบง่ายๆในเร็วๆนี้แน่ นักลงทุนและพี่น้องทุกท่านคงต้องเตรียมตัวและรัดเข็มขัดกันต่อไปนะครับ อีก 18 เดือนข้างหน้านี้คงจะเป็นเวลาที่ลำบากกันแน่ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไรฉุดทองปิดร่วง 20.6 ดอลลาร์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 20 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 20.6 ดอลลาร์ หรือ 1.14% ปิดที่ 1,779.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 41.9 เซนต์ หรือ 2.25% ปิดที่ 18.218 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 16.8 ดอลลาร์ หรือ 1.97% ปิดที่ 834.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 36.20 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,930.70 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยเมื่อคืนนี้ด้วย โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.369 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกัน ADP ได้ปรับตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนพ.ค. โดยรายงานว่ามีการจ้างงานพุ่งขึ้น 3.065 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่า การจ้างงานลดลง 2.76 ล้านตำแหน่ง
ทางด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 43.1 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.5
ทั้งนี้ ข้อมูลของ ISM สอดคล้องกับที่ไอเอชเอส มาร์กิต รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 39.8 ในเดือนพ.ค.
Ryt9.com Infoquest

2 ก.ค. สรุปข่าวเศรษฐกิจเช้านี้ รายงานผลการประชุมFED และตลาดหุ้นคืนที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

30 มิ.ย.สรุปข่าวเศรษฐกิจค่ำคืนนี้ ตลาดยังคงสถานะแบบ RISK OFF

5 ปัจจัยสำคัญในการลงทุนฝั่งอเมริกา-ยุโรปสำหรับวันนี้ (30 มิ.ย.)


1 จีนบังคับใช้กฎหมายฮ่องกง, สหรัฐตอบโต้เอาคืน
คณะกรรมการสูงสุดของจีนได้ผ่านกฎหมายว่าด้วยการปกครองฮ่องกงในวันนี้ รัฐบาลสหรัฐจึงตอบโต้ด้วยการเพิกถอนสถานะพิเศษทางการค้าของฮ่องกง
โดยความคืบหน้าครั้งนี้ตามมาหนึ่งวันให้หลังจากที่เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณการฟื้นตัวอีกครั้ง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิตของจีนสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 50.9 และดัชนีนอกภาคการผลิตก็สูงขึ้น 54.4 จากเดือนที่แล้ว 53.6 และจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่ช่วยดันราคาทองแดงให้สูงกว่า $2.70 ต่อปอนด์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม
2. เพาเวลล์และมนูชินให้คำกล่าวล่วงหน้าก่อนวันชาติอเมริกา
ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสตีเวน มนูชิน จะแถลงต่อหน้าคณะกรรมการบริการทางการเงินในช่วงครึ่งหลังของวันนี้
อ้างอิงจากคำแถลงของนายเพาเวลล์ที่ได้มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ระบุว่า “หนทางของเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และขึ้นอยู่กับการควบคุมการระบาดของประเทศให้สำเร็จ" และ "การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์นั้นยังไม่น่าจะเกิดขึ้นจนกว่าประชาชนจะมั่นใจได้ว่าการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทางสังคมนั้นสามารถกระทำได้อย่างปลอดภัย"
คำเตือนของนายเพาเวลล์ตามมาหลังจากหลายรัฐได้เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโรคมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การระบาดอาจย่ำแย่ลงกว่าเดิมในช่วงวันหยุดที่กำลังจะถึงเนื่องในวันชาติอเมริกา โดยเมืองต่าง ๆ ในแคลิฟอร์เนียและฟลอริดาต่างก็สั่งปิดชายหาด ขณะที่แคนซัสและโอเรกอนก็ได้บังคับใช้ข้อบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะภายในอาคารด้วย
3 ตลาดหุ้นเตรียมขยับหลายทิศทาง หุ้น Boeing ย่อตัวลง
ตลาดหุ้นสหรัฐมีแววว่าจะเปิดตัวหลายทิศทางในวันสุดท้ายของไตรมาสที่ยอดเยี่ยมในสุดในรอบศตวรรษ
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับลง 54 จุดหรือ 0.2% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าติดลบ 0.1% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าคงตัว ดัชนี Dow ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักเนื่องจากหุ้น Boeing ปรับตัวลงในช่วงก่อนเปิดตลาดหลังมีข่าวว่า Norwegian Air Shuttle ได้ยกเลิกการสั่งซื้อเครื่องบิน 737 MAX ล็อตใหญ่
ในทางตรงกันข้าม Nasdaq ได้รับแรงหนุนหลังเวลาตลาดปิดเมื่อวันพฤหัสบดี นำโดย Micron Technology และบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ Xilinx
ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้จะมีการรายงานดัชนี PMI ของชิคาโกในเวลา 9:45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากคณะกรรมการประชุมประจำเดือนมิถุนายนในเวลา 10.00 น.
4. เงินปอนด์อ่อนค่าลง นายกจอห์นสันวางแผนจ่ายหนัก
แผนการของสหราชอาณาจักรที่จะเปิดเศรษฐกิจเมื่อสุดสัปดาห์นี้กลับต้องหยุดชะงัก เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องล็อกดาวน์เมืองเลสเตอร์ (มีประชากร 330,000 คน) เนื่องจากพบการแพร่ระบาดในพื้นที่
ในวันนี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน จะมีกำหนดการแถลงการณ์ครั้งสำคัญในวันนี้เกี่ยวกับแนวทางการนำประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤต ด้วยการขยายการใช้งบประมาณเพื่อปฏิรูปโครงสร้างและการศึกษา
ค่าเงินปอนด์ปรับตัวลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนเมื่อซื้อขายคู่กับดอลลาร์สหรัฐ และยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนเมื่อซื้อขายคู่กับเงินยูโร
5. Shell จ่อลดการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ 2.2 หมื่นล้านเหรียญ, ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐจาก API
ภายหลังจากการล่มสลายของบริษัทผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมขุดเจาะหินน้ำมัน Chesapeake Energy เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ในวันนี้ Royal Dutch Shell ได้ออกมาประกาศว่าจะลดการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ลงระหว่าง 1.5 ถึง 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สอง แสดงให้เห็นถึงการคาดการณ์ของบริษัทว่าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอีกนาน
บริษัทยังคงไม่เปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ราคาน้ำมันระยะยาวที่ $60 ต่อบาร์เรลและ $3 ต่อหนึ่งล้านบีทียูสำหรับก๊าซธรรมชาติ แต่บริษัทระบุว่าจะต้องใช้เวลาจนถึงปี 2023 กว่าราคาจะกลับมาสู่ระดับดังกล่าว สำหรับปีนี้ทางบริษัทคาดไว้ว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะเฉลี่ยอยู่ที่ $35 ต่อบาร์เรล และปีหน้าจะสูงขึ้นเป็น $40 ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีการรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์ล่าสุดจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ในเวลา 16:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
สนับสนุนเราโดยเปิดบัญชีเทรด สเปรดต่ำ ฝากถอนไว ได้ที่ 
1. Exness :  https://www.exness.com/a/uh16i33c เทรดได้ทั้ง Crypto ทอง และ Forex

กราฟคาดการณ์ BTC/USD ปี 2020/2021 (tradingview)


30 มิ.ย. สรุปข่าวเศรษฐกิจเช้านี้ ตลาดทรงตัว นายกบอริสเตรียมแผนกระตุ้นใหม่ 5 พันล้านปอนด์

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก #ทะลุ10ล้านรายแล้ว ! โดยสถานการณ์ในสหรัฐยังคงแย่ลงเรื่อยๆ

ยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก #ทะลุ10ล้านรายแล้ว ! โดยสถานการณ์ในสหรัฐยังคงแย่ลงเรื่อยๆ #น่าเป็นห่วงตลาดเปิดในวันพรุ่งนี้
📊 ติดตาม 3 ปัจจัยหลักๆที่จะกำหนดทิศทางตลาดในอาทิตย์หน้านี้ไปกับเพจเราได้ครับ
เช้าวันที่ 28 มิ.ย. หลังจากไวรัสโควิดเริ่มระบาดมาเป็นเวลาเกือบ 6 เดือน วันนี้ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 10,081,477 คน และมียอดผู้เสียชีวิตที่ 501,298 ราย ในขณะที่มีผู้รักษาตัวหายแล้ว 5,458,367 คน #แต่ที่ยังน่าเป็นห่วงคือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกยังคงสูงขึ้นเกือบแตะ 200,000 รายต่อวันแล้ว
🇺🇸 สหรัฐและ 🇧🇷 บราซิลยังเป็นสองประเทศที่เหมือนจะแข่งกันแย่งตำแหน่งผู้ติดเชื้อประกาศรายวันที่สูงที่สุดในโลกสับกันไปสับกันมา ทั้งคู่ยังมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเฉลี่ยที่ระดับ 40,000 คนต่อวัน แต่ล่าสุดสหรัฐดีดนำขึ้นอีกรอบและทำสถิติใหม่ที่ 43,000 คนต่อวัน ในขณะที่อินเดียก็ยังรั้งอันดับที่ 3 ที่ประมาณ 20,000 คนต่อวัน และ 🇷🇺 รัสเซียเลขยังคงสูงอยู่ที่วันละ 7,000 ราย
(ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายประเทศและรายวันดูได้จากในคอมเม้นท์เลยนะครับ)
#สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่น่าเป็นห่วงที่สุด และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่มากที่สุด หากดูจากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ออกมาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ #ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความเสี่ยงสูงมากในอาทิตย์หน้า ครับ
1️⃣ Miami สั่งปิดชายหาดกลางช่วง Summer !
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยที่สหรัฐประเทศผู้รักอิสระจะประกาศสั่งปิดชายหาดที่ Miami Beach รัฐ Florida ชายหาดซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในสหรัฐที่ในช่วง Summer จะมีผู้คนเดินทางมาเที่ยวหลายล้านคน โดยในปีนี้ทางรัฐได้รีบสั่งปิดชายหาดก่อนที่วันชาติสหรัฐอเมริกา ( Independence Day) จะมาถึงในอาทิตย์หน้าวันที่ 4 กรกฏาคม นี้ เพื่อกันคนหลายล้านคนที่จะหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในช่วงหยุดยาว
2️⃣ รัฐ Florida และ Arizona เลขผู้ติดเชื้อโดดทำสถิติใหม่
โดยรัฐหลักๆที่ยังน่าเป็นห่วงที่สุดอยู่ในสหรัฐก็คือ Florida, Texas, California และ Arizona แต่เช้านี้ทางรัฐ Florida และ Arizona ทำสถิติผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันของรัฐดีดขึ้นมาที่ 9,585 ราย และ 3,591 รายตามลำดับ
3️⃣ Mike Pence รองประธานาธิบดีสหรัฐต้องออกมายกเลิกกำหนดการหาเสียงให้ทรัมป์
อาทิตย์หน้านี้ทางรองประธานาธิบดีสหรัฐ Mike Pence มีแผนที่จะเดินทางไปปราศัยที่รัฐ Florida และ Arizona แต่อย่างที่ได้กล่าวไปด้านบนว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อของทั้งสองรัฐนี้กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ทำให้ทาง Pence ต้องยกเลิกงานปราศัยแต่ยังจะคงเดินทางไปอยู่
4️⃣ รัฐ Washington ออกมาประกาศระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในระยะที่ 4
ผู้ว่าการรัฐ Washington ออกมาตัดสินใจระงับแผนการผ่อนคลายเนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นรัฐล่าสุดที่ทยอยออกมาระงับแผนผ่อนคลาย Lockdown ตามกันไป
5️⃣ นายแพทย์ Anthony Fauci ยังคงแสดงความเป็นกังวลอย่างมาก
ดร. แอนโทนี่ เฟาซี (Dr. Fauci) ผู้นำการวิจัยโรคติดเชื้อที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้ออกมาย้ำกล่าวเตือนอีกครั้งให้ประชาชนสหรัฐอย่าการ์ดตก เพราะผลกระทบของไวรัสนั้นยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆถึงแม้ว่าอัตราผู้เสียชีวิตจะน้อยลง ตอนนี้หลายๆโรงพยาบาลในรัฐด้านบนที่กล่าวไว้แทบจะไม่เหลือที่รักษารองรับผุ้ป่วยใหม่แล้ว บางรัฐถึงกับต้องส่งผู้ป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเด็ก
6️⃣ ทาง CDC ออกมากล่าวเตือนว่า 8% ของประชากรสหรัฐอาจติดเชื้อไวรัสแล้ว !
จริงอยู่ว่ายังต้องมีผู้ติดเชื้ออีกมากมายในสหรัฐที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบเพราะว่าจำนวนเครื่องตรวจนั้นมีจำกัด แต่ทาง CDC หรือหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา ได้ออกมารายงานว่าอาจมีผู้ติดเชื้อในไวรัสโควิดสูงถึงราวๆ 26.4 ล้านคนเลยทีเดียว ! (หรือ 8% จากประชากรสหรัฐทั้งหมด 330 ล้านคน)
สิ่งที่ทุกคนทราบกันดีนั้นก็คือการที่ตลาดหุ้นและสภาพเศรษฐกิจนั้นกำลังเดินไปคนละทาง #ราคาของตลาดหุ้นนั้นไม่ได้สะท้อนกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันซะทีเดียว ข้อนี้เราคงไม่ต้องขยายความกันมากเพราะเงินทุนในตลาดนั้นเยอะและเงินไม่มีที่ๆจะไปเพราะดอกเบี้ยนั้นต่ำติดดินทั่วโลก
แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามหลักๆในตลาดตอนนี้ ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของเงินทุนที่ยังเหลือมากมายในตลาด ว่าจะไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องหรือจะถอนเงินออกไปเพราะความกลัว ยังมีอยู่ 3 อย่างหลักๆด้วยกันอย่างที่เราได้รายงานมาตลอด
ต่อไปนี้ทางเพจจะมา #ไล่ลำดับของผลกระทบในแต่ละปัจจัยว่าข้อไหนจะมีผลกระทบต่อเงินทุนเหล่านี้มากที่สุด โดยในอาทิตย์นี้ ในเมื่อทางประธานาธิบดีทรัมป์ยังออกมายืนยันว่าจะไม่ปิดเมืองอย่างแน่นอน ทำให้เราได้เลื่อนลำดับปัจจัยนี้ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 ครับ
1️⃣ สถานการณ์ไวรัสระบาดในสหรัฐและที่อื่นๆในโลก
2️⃣ การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา
3️⃣ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน

สนับสนุนเราโดยเปิดบัญชีเทรด สเปรดต่ำ ฝากถอนไว ได้ที่ 
1. Exness :  https://www.exness.com/a/uh16i33c เทรดได้ทั้ง Crypto ทอง และ Forex