วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 29 กย.: ดาวโจนส์ปิดลบ 47.16 จุด หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงหนัก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลง ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าความเชื่อมั่นที่อ่อนแออาจทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดค้าปลีกหดตัวลงด้วย อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวควบรวมกิจการและเข้าซื้อหุ้นของบริษัทเอกชน

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐประจำเดือนก.ย.ร่วงลงแตะ 53.1 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 54.5 จุด และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 57 จุด "ผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดจ้างงานของสหรัฐ จึงทำให้ขาดความเชื่อมั่นทั้งในด้านการใช้จ่ายและความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดค้าปลีกของสหรัฐหดตัวลงด้วย ซึ่งจะขัดขวางกระบวนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ" คาลิวาสกล่าว ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจาก Standard & Poor`s/Case-Shiller เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ๆของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ในเดือนก.ค. แต่ราคาบ้านยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่แล้วอยู่ราว 13.3% อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวควบรวมกิจการและการเข้าซื้อหุ้นในภาคเอกชน โดยบริษัท ซีร็อกซ์ คอร์ปตกลงที่จะซื้อบริษัท แอฟฟิลิเอเต็ด คอมพิวเตอร์ เซอร์ วิเซส อิงค์ และบริษัท แอ๊บบอต ลาบอราทอรีส์ จะซื้อบริษัทผลิตยาของโซลเวย์ นอกจากนี้ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน บรรลุข้อตกลงซื้อหุ้น 18% ในบริษัทครูเซลล์ เอ็นวี นักลงทุนยังคงจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนก.ย. กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ย. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. วันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ย. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนส.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานเดือนก.ย.จะลดลง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากดิ่งลง 216,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.8% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 9.7% ในเดือนส.ค.

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 28 กย.: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 124.17 จุดขานรับข่าวควบรวมกิจการ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากข่าวควบรวมกิจการของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัท แอ๊บบอต ลาบอราทอรีส์ บริษัท ซีร็อกซ์ คอร์ป และบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

มาร์ค คอฟเฟล์ท นักวิเคราะห์จากบริษัท Empiric Funds ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส กล่าวกับเอพีว่า ข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และบริษัทอื่นๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้นในวันจันทร์ โดยรายงานระบุว่าบริษัท ซีร็อกซ์ คอร์ปตกลงที่จะซื้อบริษัท แอฟฟิลิเอเต็ด คอมพิวเตอร์ เซอร์ วิเซส อิงค์ และบริษัท แอ๊บบอต ลาบอราทอรีส์ จะซื้อบริษัทผลิตยาของโซลเวย์เป็นเงิน 6.6 พันล้านดอลลาร์ "นักลงทุนมองว่าดีลควบรวมกิจการและเข้าซื้อเป็นเงินสูงถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการควบรวมกิจการมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการเสริมสร้างภาคธุรกิจให้แข็งแรงขึ้น ข่าวดังกล่าวทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดคึกคัก อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างบางเบาเนื่องจากวันจันทร์เป็นวันหยุดของชาวยิวในสหรัฐ" คอฟเฟล์ทกล่าว นอกจากนี้มีรายงานว่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน บรรลุข้อตกลงซื้อหุ้น 18% ในบริษัทครูเซลล์ เอ็นวี เป็นมูลค่า 301.8 ล้านยูโร (441 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และ ครูเซลล์จะมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาแอนติบอดี้ flu-mAb ที่ใช้ป้องกันและรักษาไข้หวัด นอกจากนั้น บริษัทจะดำเนินการวิจัยแอนติบอดี้และวัคซีนสำหรับป้องกันโรคประเภทอื่นที่สามารถรักษาได้ทั้งโรคติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ นักลงทุนยังคงจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.ค.และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือนก.ย. วันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนก.ย. กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ย. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. วันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนก.ย. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนส.ค.

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 25 กย. : ดาวโจนส์ปิดลบ 42.25 จุด หลังนักลงทุนผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 42.25 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 9,665.19 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 6.40 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 1,044.38 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 16.69 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 2,090.92 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 3
โดยในรอบสัปดาห์ ดาวโจนส์ร่วง 1.6% S&P 500 ลดลง 2.2% และ Nasdaq ลดลง 2%
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ร่วงลง 2.4% ในเดือนส.ค. เป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากที่พุ่งขึ้น 4.8% ในเดือนก.ค. โดยมีสาเหตุหลักมาจากดีมานด์เครื่องบินพาณิชย์ที่ดิ่งลงอย่างหนัก
การปรับตัวลดลงครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน เป็นหลักฐานว่าการฟื้นตัวในภาคการผลิตจะเป็นไปอย่างช้าๆและค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.7% แตะ 429,000 หลัง จากระดับ 426,000 ในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่ายอดขายจะสูงขึ้น 1.6% แตะ 440,000 หลัง นับเป็นหลักฐานที่ชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐยังไม่มั่นคง
โดยวานนี้ นักลงทุนเมินเฉยต่อการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จัดทำโดยรอยเตอร์ส/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งปรับตัวขึ้นแตะ 73.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 65.7 ในเดือนส.ค. นับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2551 และเป็นสัญญาณที่น่ายินดีเพราะหมายถึงผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ไม่ได้เลวร้ายและยังดีกว่าข้อมูลเดือนที่แล้วมาก อย่างไรก็ตามยอดขายบ้านใหม่และยอดขายบ้านมือสอง ตลอดจนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนยังนับว่าน้อยกว่าคาดการณ์ ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับระยะเวลาที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว นอกจากนี้นักวิเคราะห์เตือนว่า ยังมีข้อมูลที่จำเป็นต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีกเพื่อตัดสินว่าข้อมูลเชิงลบเพียงเดือนเดียวคือจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงหรือไม่
ในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานซึ่งน่าจะทำให้นักลงทุนได้มองเห็นภาพของเศรษฐกิจชัดขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.ในวันศุกร์หน้า ซึ่งตัวเลขจ้างงานถูกมองว่าเป็นรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในแต่ละเดือน เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีความสำคัญกับเศรษฐกิจสหรัฐมาก นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังจะมีผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขการผลิต ยอดสั่งซื้อจากโรงงาน และราคาบ้านด้วย

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 24 กย.: ดาวโจนส์ปิดลบ 41.11 จุด หลังยอดขายบ้านในสหรัฐร่วงเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านร่วงลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องได้กดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องตัวเลขว่างงาน หลังจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลง หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ร่วงลง 2.7% แตะระดับ 5.10 ล้านยูนิต จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 5.24 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 5.35 ล้านยูนิต
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ เดือนก.ย.ร่วงลง 21,000 ราย แตะระดับ 530,000 ราย โดยร่วงลงจากระดับ 551,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 550,000 ราย
เรียลตี้แทรค อิงค์ ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ให้บริการข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จำนวนบ้านถูกยึดในสหรัฐประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 18% แตะที่ 358,471 หลัง ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 เดือน เนื่องจากอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ทำให้กลุ่มเจ้าของบ้านไม่สามารถชำระค่าผ่อนบ้านและดอกเบี้ยได้

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 24 กย.



Pivot: 1.481

คำแนะนำ : Short ที่ต่ำกว่า 1.481 targets @ 1.4735 & 1.469

หากทะลุแนวต้าน 1.481 จะไปที่เป้าหมาย 1.4845 & 1.487

หมายเหตุ : RSI ยังแสดงทิศทางไม่ชัดเจน

Key levels
1.487
1.4845
1.481
1.4783 last
1.4735
1.469
1.467

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 23 กย.



Pivot: 1.4785

คำแนะนำ: Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4785 targets @ 1.467 & 1.461

หากทะลุแนว 1.4785 จะขึ้นไปที่เป้าหมาย 1.4845 & 1.4875

หมายเหตุ หากยังอยู่ใต้แนวต้าน 1.4785 , คาดว่าจะกลับมาที่ 1.467

Key levels
1.4875
1.4845
1.4785
1.473 last
1.467
1.461
1.456

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 23 กย.: วิตกเฟดอาจยุติมาตรการฟื้นฟูศก. ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 81.32 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากเฟดระบุในแถลงการณ์ว่าจะชะลอการเข้าซื้อตราสารหนี้ ส่วนการประชุมเฟดครั้งล่าสุดนั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0-0.25% และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น

เบิร์ท ไวท์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท LPL Financial ในเมืองบอสตันกล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในแดนบวกขานรับมติการประชุมของเฟดที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดที่ 0-0.25% และประเมินว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการเงินเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากทรุดตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านั้น
"แต่ต่อมาตลาดเริ่มอ่อนตัวลงและปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากคณะกรรมการเฟดระบุว่าจะชะลอการเข้าซื้อตราสารหนี้เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดเป็นไปอย่างราบรื่น แถลงการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเฟดวิตกกังวลว่าหากรีบถอนมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ ก็จะทำให้ภาวะลื่นไหลในตลาดการเงินสะดุดลง แต่สิ่งที่นักลงทุนวิตกกังวลก็คือเฟดอาจยุติการใช้มาตรการดังกล่าว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน" ไวท์กล่าว
เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า เฟดมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันคณะกรรมการเฟดเห็นชอบที่จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ วงเงินรวม 3 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เฟดมีมติให้ขยายเวลาการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ไปจนถึงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2553
"คณะกรรมการเฟดจะค่อยๆชะลอการเข้าซื้อตราสารหนี้เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฟดจะขยายการเข้าซื้อตราสารหนี้ออกไปจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2553" แถลงการณ์ของเฟดระบุ

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 23 กย.


Pivot: 1.4775.

คำแนะนำ : LONG ที่ราคา 1.4785 เป้าหมาย @ 1.486 & 1.49.

หากทะลุแนวล่าง 1.4775 จะไปที่เป้าหมาย 1.4725 & 1.4705.


ข้อสังเกต : ที่ 30-นาที RSI เป็น bearish divergence แนวรับ 1.4775 จะเป็นแนวที่บอกระดับขาลงของวันนี้

แนวโน้ม : ระยะสั้น ขึ้น ; ระยะกลาง ไซด์เวย์

Key levels

1.492** Fibo
1.49** Fibo
1.486** Fibo
1.4815 Last
1.4775*** pivot
1.4725** Fibo (50%)
1.4705** Fibo(61.8%)

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 22 กย.: ดอลล์ร่วงหนักเทียบยูโร หลังเทรดเดอร์เทขายก่อนรู้ผลประชุมเฟด


ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐที่ฟื้นตัว
ขึ้นส่งผลให้เทรดเดอร์ลดการถือครองดอลลาร์และแห่เข้าซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า โดยดีมานด์ดอลลาร์อ่อนตัวลง
อย่างมากก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเสร็จสิ้นลงในคืนวันพุธ และก่อนที่การประชุมสุดยอดกลุ่มจี-20 จะเริ่มขึ้นใน
สัปดาห์นี้

บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.48 ยูโรต่อดอลลาร์ และดิ่งลงเมื่อ
เทียบกับเงินเยนที่ 91.120 เยน จากระดับปิดวันจันทร์ที่ 92.040 เยน

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ดิ่งลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6352 ปอนด์ต่อดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.6194
ปอนด์ต่อดอลลาร์

เทรดเดอร์ลดการถือครองดอลลาร์และแห่เข้าซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้
บริโภคซึ่งจัดทำโดย ABC News บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 ก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ -46
จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ -49 จุด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะประกาศมติ
การประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.

นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% ในการ
ประชุม 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 23 ก.ย.นี้


วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 22 กย.




Pivot: 1.4755


คำแนะนำ: บายเหนือ 1.4755 targets @ 1.486 & 1.49 เป็นเป้าแรกและที่สองตามลำดับ

ถ้าทะลุ 1.4755 จะลงมาที่ 1.472 & 1.469

หมายเหตุ: ถ้ายังอยู่เหนือระดับ 1.4755 เป็นสัญญาณทางบวกไปที่ 1.486.

Key levels
1.492
1.49
1.486
1.4785 last
1.4755
1.472
1.469

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: แรงขายหุ้นพลังงาน ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 41.34 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่ำ
กว่าระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธุรกิจ
สุขภาพ เนื่องจากหลายฝ่ายเชื่อว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐจะยกเครื่องระบบประกันสุขภาพได้สำเร็จ

จอร์แดน สมิธ นักวิเคราะห์จากบริษัท Edgemoor Investment Advisors ในรัฐแมรีแลนด์กล่าวกับเอพีว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่ม
พลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดิ่งลงกว่า 2 ดอลลาร์ ซึ่งฉุดดาวโจนส์ปิดลบ แต่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่ส่งเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัท เดลล์ อิงค์ รายงานว่า บริษัทวางแผนซื้อกิจการบริษัท
Perot Systems Corp ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศ มูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นธุรกิจสุขภาพหลังจากประธานาธิบดีโอบามาเดินหน้าผลักดันแผนการยกเครื่องระบบ
สาธารณสุข พร้อมจี้สภาคองเกรสลงมติผ่านกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ โดยให้เหตุผลว่านโยบายดังกล่าวจะเอื้อให้ชาว
อเมริกันมีความปลอดภัยและมั่นคงในชีวิตมากขึ้น
ด้านอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เชื่อมั่นว่าโอบามาจะประสบความสำเร็จในการปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศ และ
วุฒิสมาชิกพรรครีพับลีกันบางส่วนอาจให้การสนับสนุนโครงการนี้ อีกทั้งเชื่อมั่นว่าข้อเสนอของโอบามาจะได้เสียงสนับสนุนจาก
โอลิมเปีย สโนวี และ ซูซาน คอลลินส์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลีกันจากรัฐเมน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดรายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.6%
แตะที่ 102.5 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2551 และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยดัชนีชี้นำเศษฐกิจเป็นดัชนีชี้วัด
มุมมองของนักลงทุนที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6-9 เดือนข้างหน้า
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค
สหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ย. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มการประชุม
กำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรก
วันพุธ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย ส่วนวันพฤหัสบดี
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงาน
ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และในวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และยอดขายบ้านใหม่
เดือนส.ค.

วิเคราะห์เทคนิค GBP/JPY 21-22 กย.

Pivot: 149.75

คำแนะนำ : Short ต่ำกว่า149.75 targets @ 148.8 & 148.05

สถานการณ์ที่ทะลุขึ้นด้านบน : สูงกว่า 149.75 เป้าหมายที่ด้านบน 150.4 & 150.65

ข้อสังเกต : ตราบใดที่ยังไม่ผ่านแนวต้าน 149.75 ขึ้นไป จะมีแนวโน้มสูงที่จะทะลุ 148.8 ลงมา

Key levels
150.65
150.4
149.75
149.1 last
148.8
148.05
147.8

IMF มีมติขายทองคำสำรอง 403 ตันเพื่อระดมทุนช่วยเหลือประเทศยากจน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟอนุมัตการขายทองคำสำรองในปริมาณ
403.0 ตัน โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนเพื่อปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มประเทศยากจน อย่างไรก็ตาม การขายทองคำสำรองของไอเอ็ม
เอฟจำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสของสหรัฐและสมาชิกอีก 184 ชาติที่เป็นภาคีของไอเอ็มเอฟ

นายโดมินิก สเตราส์ คาห์น ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า เขารู้สึกพอใจกับมติของคณะกรรมการบริหารไอเอ็มเอฟ ที่จะให้
นำทองคำสำรองออกขายเพื่อระดมทุนช่วยประเทศยากจน และการขั้นตอนการขายทองคำจะต้องทำด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบและโปร่งใส
เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผันผวนในตลาดทองคำโลก

ไอเอ็มเอฟระบุว่า ทองคำที่นำออกขายในครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 8 ของปริมาณทองคำสำรองในปัจจุบัน โดยไอเอ็มเอฟเป็น
ผู้ถือครองทองคำรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐและเยอรมนี

ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟยังกล่าวด้วยว่า ไอเอ็มเอฟนำทองคำสำรองออกขายเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลดยอดขาดดุลงบ
ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีข้างหน้า และการลดจำนวนพนักงาน 100 คน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

ข่าวเศรษฐกิจ อังคาร 22 กย.


เวลา ค่าเงิน
รายละเอียด
คาดการณ์ก่อนหน้านี้
5:45amNZD
ดุลบัญชี นิวซีแลนด์

-1.88B
-1.25B

All DayJPY
วันหยุดธนาคารญี่ปุ่น
9:00amNZD
Westpac ความต้องการบริโภค นิวซีแลนด์
106.0

12:45pmCHF
SECO คาดการณ์เศรษฐกิจ สวิส
1:15pmCHF
ดุลการค้า สวิส
2.03B
2.21B

3:00pmEUR
อัตราการว่างงาน อิตาลี
7.7%
7.3%

7:30pmCAD
ยอดค้าปลีก สินค้าหลัก รายเดือน แคนาดา m/m
0.1%
1.0%

7:30pmCAD
ยอดค้าปลีก แตนาดา m/m
0.8%
1.0%

9:00pmUSD
ดรรชนีราคาบ้าน (HPI) m/m
0.5%
0.5%

9:00pmUSD
ดรรชนียอดการผลิต Richmond Manufacturing Index
17
14

สถานการณ์ตลาดเงินนิวยอร์ค 21 กย.



สำหรับอียู นักวิเคราะห์แนะนำให้ Short ที่ราคาต่ำกว่า 1.4690 ลงมา

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

กราฟภาพรวม EUR/USD วันที่ 21 กย.




จากกราฟสัปดาห์ด้านบน จะเห็นว่า อียู ขึ้นมาที่ระดับ 61.8% ของช่วงราคา 1.60 - 1.25 คือ เหนือ 1.46 เล็กน้อย
ส่วนกราฟวัน มีลักษณะเป็น hanging man ซึ่งแสดงถึงการอ่อนกำลังลง และชนเส้น Upper trend line ของ pitchfork พอดี จึงคาดว่าจะลงมาปรับฐาน หนึ่งรอบ ถ้าดูกราฟ 4 ชม. เส้นใหม่สีแดง ก็จะเริ่มเห็นแนวโน้มขาลงได้บ้าง
สังเกตกราฟราคาทองไว้ด้วยนะครับ ถ้าพุ่งเกิน 1020 เมื่อไหร่ล่ะก็ อียูไปนิวไฮตอนนั้น รอบนี้น่าแตะ 1.4800