ข่าวสาร ข้อมูล และเทคนิคการเทรด Forex,Cryptocurrency และทองคำ ติดต่อผู้เขียน Thaifxtrader@gmail.com
เปิดบัญชีเทรด Forex และ Crypto Currency ได้ง่ายๆ
วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553
ราคาทองคำร่วง 30 มี.ค. นักลงทุนชะลอการซื้อเพราะเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 52.5 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 46.4 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50 จุด ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และ เคส ชิลเลอร์ ที่ระบุว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น จึงทำให้ความต้องการถือครองทองคำลดน้อยลง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะถดถอย
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าถือครองทองคำที่ระดับ 1,129.823 ตัน ณ วันที่ 29 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับของวันที่ 25 มี.ค.ที่ 5.176 ตัน
- ทองคำ ส่งมอบเดือนเมษายน ปิดที่ 1,105.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (- 5.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)- เงิน ส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปิดที่ 17.330 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (- 0.05 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)
ดาวโจนส์ปิดบวก 30 มี.ค. รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯสดใส
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.3% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้า และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และ เคส ชิลเลอร์ เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองใหญ่ๆปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่แปด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ มีดังนี้- วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ. - วันพฤหัสบดีกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ - วันศุกร์กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 คน และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 9.7% เพราะได้แรงหนุนจากโครงการจ้างพนักชั่วคราวของภาครัฐเพื่อทำการสำรวจจำนวนประชากรครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุก 10 ปีในปีนี้ รวมถึงสภาพอากาศที่ดีขึ้นทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น
หุ้นแอปเปิลทะยานขึ้น 1.5% หลังจากมีรายงานว่าแอปเปิลกำลังพัฒนา iPhone รุ่นใหม่เพื่อใช้งานบนเครือข่ายเคลื่อนที่ของบริษัท เวอริซอน คอมมิวนิเคชันส์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเวอริซอนปิดบวก 2.6% ด้วย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วอย่างแน่นอน และ พัฒนาการของความเชื่อมั่น รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็เห็นได้ชัดเจน ต่อจากนี้ก็จะเห็นพัฒนาการที่ดีของตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นตลอดช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลอดไตรมาส 1/53 ดัชนีได้ปรับขึ้นไปแล้วถึง 5.2% และอีก 12 เดือนต่อจากนี้ไปนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นอีก 15%
หุ้น 3 M ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่าบริษัทอาจจะมีผลประกอบการที่สูงกว่าคาดการณ์- Dow Jones ปิดที่ 10,907.42 จุด (+0.11%)- S&P 500 ปิดที่ 1,173.27 จุด (+0.00%)- Nasdaq ปิดที่ 2,410.69 จุด (+0.26%)
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 30 มี.ค.: ดอลล์แข็งหลังสหรัฐเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งเกินคาด
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.42% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.830 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 92.440 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0660 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0623 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรบวกเพียง 0.01% ที่ระดับ 1.3412 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3410 ยูโร/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้น 1.10% ที่ระดับ 1.5064 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4900 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.12% แตะที่ระดับ 0.9183 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9172 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.04% แตะที่ระดับ 0.7093 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7090 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพราะเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 52.5 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 46.4 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50 จุด ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ที่ระบุว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองใหญ่ๆปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่แปด
ขณะที่ค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2552 ที่ได้รับการปรับทบทวนใหม่ เป็นขยายตัว 0.4% ดีกว่าที่ประเมินไว้สองครั้งก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลผลิตที่สูงขึ้นในภาคบริการ การก่อสร้าง และการเกษตร
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจอังกฤษหลุดพ้นจากภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่หดตัวติดต่อกันมาหกไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันหกไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปีพ.ศ.2498 ทั้งนี้ อังกฤษเป็นประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ที่หลุดพ้นจากภาวะถดถอยเป็นลำดับสุดท้าย หลังจากที่ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐ และ ญี่ปุ่น ต่างแซงหน้ากันไปก่อนแล้ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ. และวันพฤหัสบดีกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 คน และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 9.7% เพราะได้แรงหนุนจากโครงการจ้างพนักชั่วคราวของภาครัฐเพื่อทำการสำรวจจำนวนประชากรครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุก 10 ปีในปีนี้ รวมถึงสภาพอากาศที่ดีขึ้นทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 31 มี.ค.
วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 29 มี.ค.: ยูโรพุ่งแรง จากข่าวรัฐบาลกรีซขายพันธบัตรมูลค่า $6.72 พันล้าน
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.50% แตะที่ระดับ 1.3477 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3410 ยูโร/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.54% แตะที่ระดับ 1.4980 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4900 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 92.480 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 92.470 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0622 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0648 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.48% แตะที่ 0.9173 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9033 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.88% แตะที่ 0.7093 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7031 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
สำนักบริหารหนี้ของกรีซเปิดเผยว่า รัฐบาลกรีซระดมทุนด้วยการขายพันธบัตรใหม่อายุ 7 ปีวงเงิน 5 พันล้านยูโร หรือ 6.72 พันล้านดอลลาร์ ที่อัตราผลตอบแทน 5.9% ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากบริษัท บราวน์บราเธอร์ส แฮร์รีแมน ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า กล่าวว่า แม้ค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้น แต่ปัญหาหนี้สินและอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน อาจทำให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าอีซีบีจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ความน่าดึงดูดใจของสกุลเงินยูโรลดลงด้วย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินอื่นๆ ยกเว้นยูโรและฟรังค์สวิส หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.3% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้า และการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้นั้น จะเพิ่มขึ้น 200,000 คน และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ระดับ 9.7%
วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553
กรีซเตรียมออกพันธบัตรใหม่เร็วๆ นี้ หลังยุโรป-IMF ผ่านแผนช่วยเหลือ
|
เจาะลึกแผนช่วยเหลือกรีซของ EU-IMF
1. ข้อตกลงระบุถึงแนวทางที่กลุ่มประเทศในเขตยูโรโซนจะช่วยเหลือ กรีซในภาวะฉุกเฉิน
2. ประเทศสมาชิกจะจ่ายเงินสมทบต่อเงินกู้ดังกล่าว โดยยูโรโซน จะรับภาระในการช่วยเหลือ 2 ใน 3 ขณะที่IMF จะรับภาระ 1 ใน 3
3. กลไกความช่วยเหลือนี้จะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อการระดมเงินทุน จากตลาดทำได้ไม่เพียงพอ
4. ประเทศสมาชิกทุกประเทศในเขตยูโรโซนจะต้องเห็นพ้องกัน หากมีการปล่อยเงินกู้ และเงินกู้ที่ปล่อยให้จะต้อง"ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เข้มงวด"
5. การตัดสินใจที่จะให้เงินกู้ จะต้องอิงตามการประเมินของคณะ กรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นผู้บริหารสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งธนาคาร กลางยุโรป (ECB)
6. เกณฑ์สำหรับการประเมินการปล่อยเงินกู้ จะพิจารณาจากระดับ ของความไร้เสถียรภาพของความเสี่ยงในประเทศที่เกี่ยวข้อง และสำหรับ เขตยูโรโซนโดยรวม
7. 16 ประเทศในเขตยูโรโซน จะให้เงินสมทบต่อเงินกู้ตามสัดส่วน ของการถือครองหุ้นใน ECB ซึ่งหมายความว่า ประเทศขนาดใหญ่ อาทิ เยอรมนี และฝรั่งเศส จะจ่ายเงินสมทบมากที่สุด
8. จะมีการจัดหาเงินกู้โดยคิดต้นทุนรวมถึงค่าพรีเมียมความเสี่ยง โดยจะไม่คิดอัตราดอกเบี้ยตามเขตยูโรโซน
9. ถ้าจำเป็นต้องมีการให้ความช่วยเหลือ จะมีการให้ความช่วยเหลือ ในเวลาเดียวกันจากIMF และกลุ่มประเทศในเขตยูโรโซน
10. ประเทศต่างๆตกลงที่จะเพิ่มบทบาทของ EC ในการกำกับดูแลเศรษฐกิจ โดยจะเป็นการให้น้ำหนักมากขึ้นแก่อีซี ซึ่งเป็นเวทีการประชุมสำหรับผู้นำประเทศ และรมว.คลังของยุโรป
11. จะมีคณะทำงานเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยนายฟาน รอมเพย์ เพื่อหา แนวทางในการปรับปรุงการกำกับดูแลเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านงบประมาณ โดยคณะทำงานดังกล่าวจะเสนอมาตรการภายในสิ้นปีนี้
• จีดีพี – Final (Q4/09) ขยายตัว 5.6% (ลดลงการประมาณครั้งก่อนที่ 5.9%)
• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.) 73.6 จุด (สูงกว่าเดือนก่อนหน้าและคาดการณ์)
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (จันทร์ที่ 29 มี.ค. 2553)
• รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล (ก.พ.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
ราคาทองคำปิดพุ่ง หลังข้อตกลงช่วยกรีซถ่วงเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
เงินยูโรดีดขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงได้เพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับทองคำในการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร
ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนประจำเดือนมี.ค.ได้รับการปรับทบทวนขึ้นมาอยู่ที่ 73.6 จุด ซึ่งดีกว่าระดับ 72.5 ในการประเมินครั้งก่อน และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 73 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนรู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และได้ช่วยให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ดัชนี ICE Futures ซึ่งวัดเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับยูโรและสกุลเงินอื่นๆอีก 5 สกุล ร่วงลง 0.47% หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์
ทั้งนี้ การซื้อขายทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์มักสวนทางกับทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายกันในสกุลดอลลาร์สหรัฐ มีราคาที่น่าดึงดูดในในสายตาของผู้ซื้อต่างชาติ
วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 29 มี.ค.
Technical Analysis สำหรับสัปดาห์ที่ 29 มี.ค. - 3 เม.ย.
EUR/USD trend: hold.
GBP/USD trend: sell.
USD/JPY trend: buy.
EUR/JPY trend: hold.
GBP/JPY trend: sell.
Floor Pivot Points | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
Pair | 3rd Sup | 2nd Sup | 1st Sup | Pivot | 1st Res | 2nd Res | 3rd Res |
EUR/USD | 1.2958 | 1.3112 | 1.3260 | 1.3414 | 1.3562 | 1.3716 | 1.3864 |
GBP/USD | 1.4445 | 1.4621 | 1.4758 | 1.4934 | 1.5071 | 1.5247 | 1.5384 |
USD/JPY | 87.46 | 88.64 | 90.58 | 91.76 | 93.70 | 94.88 | 96.82 |
EUR/JPY | 118.87 | 119.95 | 122.00 | 123.08 | 125.13 | 126.21 | 128.26 |
GBP/JPY | 131.92 | 133.21 | 135.49 | 136.78 | 139.06 | 140.35 | 142.63 |
Fibonacci Retracement Levels | |||||
---|---|---|---|---|---|
Pairs | EUR/USD | GBP/USD | USD/JPY | EUR/JPY | GBP/JPY |
100.0% | 1.3569 | 1.5111 | 92.95 | 124.17 | 138.08 |
61.8% | 1.3454 | 1.4991 | 91.76 | 122.97 | 136.72 |
50.0% | 1.3418 | 1.4955 | 91.39 | 122.61 | 136.30 |
38.2% | 1.3382 | 1.4918 | 91.02 | 122.24 | 135.87 |
23.6% | 1.3338 | 1.4872 | 90.57 | 121.78 | 135.35 |
0.0% | 1.3267 | 1.4798 | 89.83 | 121.04 | 134.51 |
วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553
แหล่งข่าวเผยยูโรโซนบรรลุข้อตกลงช่วยหนี้กรีซ
|
น้ำมันปรับลดแตะ$80หลังศก.สหรัฐฯอ่อนแอ-หุ้นมะกันขยับเล็กน้อย
|
วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 26 มี.ค.
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วงหนัก ขณะผู้นำยุโรปแตกคอกรณีให้ความช่วยเหลือกรีซ
ค่าเงินยูโรดิ่งลง 0.23% แตะที่ 1.3283 ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3313 ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.32% แตะที่ 1.4820 ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4868 ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.56% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.730 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 92.210 เยน/ดอลลาร์ และขยับขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0735 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0731 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.10% แตะที่ 0.9075 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.9066 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.24% แตะที่ 0.7032 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7015 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักหลังจากไอเอ็มเอฟแสดงท่าทีว่าจะเข้ามามีส่วนในการให้ความช่วยเหลือกรีซร่วมกับผู้นำอียู ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าความเคลื่อนไหวของไอเอ็มเอฟสะท้อนถึงการด้อยความสามารถของยุโรปในการรับมือกับปัญหาในภูมิภาคของตนเอง ขณะที่นายทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป ระบุว่าการที่ไอเอ็มเอฟเข้ามามีส่วนในการให้ความช่วยเหลือกรีซ อาจเป็นการส่งสัญญาณในด้านลบต่อตลาด
ผู้นำอียูยังคงมีความคิดเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรีซที่ประสบภาวะหนี้สินขั้นรุนแรง โดยข้อเสนอของสเปนและฝรั่งเศสที่ให้จัดการประชุมผู้นำยูโรโซน หรือ 16 ประเทศที่ใช้เงินยูโร ก่อนที่จะเริ่มการประชุมสุดยอดอียูนั้น ถูกเมินจากเพื่อนสมาชิก เนื่องจากความเห็นที่แตกต่างระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี
นายโฆเซ่ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ออกมาเรียกร้องให้บรรดาผู้นำยุโรปตกลงกันเกี่ยวกับแผนการสำรองฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือกรีซ โดยระบุว่า การสนับสนุนความพยายามของกรีซในการลดยอดขาดดุลงบประมาณ ไม่เพียงแต่เป็นผลดีต่อกรีซเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาเสถียรภาพให้กับยูโรโซนทั้งหมดด้วย อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ปฏิเสธทางเลือกที่จะให้ไอเอ็มเอฟเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกรีซ
เอริค เนลสัน หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านยุโรปของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ไอเอ็มเอฟอาจตัดสินใจให้ความช่วยเหลือกรีซมูลค่า 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของเงินกู้ระยะเวลา 18 เดือน เนื่องจากกรีซต้องเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณที่มีอยู่มากที่สุดในกลุ่มอียู และต้องระดมเงินให้ได้ราว 2 หมื่นล้านยูโรเพื่อรองรับพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเม.ย.และพ.ค.
วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553
แผนช่วยเหลือกรีซยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ฟิตช์ยืนยันยังไม่ลดอันดับ
คาดว่าแนวทางที่เยอรมนีต้องการเห็นคือรูปแบบความช่วยเหลือทวิภาคีที่กรีซร่วมกับ IMF เท่านั้น ซึ่งจะยังไม่มีการตัดสินใจในการประชุมสุดยอดในสัปดาห์นี้ แต่จะมีการจัดประชุมสุดยอดอียูนัดพิเศษ ในภายหลังเพื่อทำการตัดสินใจ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน
ขณะนี้ทุกฝ่ายเริ่มเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เยอรมนีคัดค้านการที่สหภาพยุโรปจะเข้าไปมีบทบาทในการช่วยเหลือกรีซ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน หรือการค้ำประกันแก่กรีซ คงจะไม่เกิดขึ้น
นายคริส ไพรซ์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านกรีซจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า ฟิทช์ไม่แน่ใจว่าผู้นำสหภาพยุโรป จะให้ความช่วยเหลือกรีซ ในการประชุมสุดยอดในสัปดาห์นี้หรือไม่ แต่ความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลง การให้ความช่วยเหลือจะไม่ทำให้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง
ตราบใด ที่ทางเลือกในการขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงเปิดกว้างอยู่ โดยฟิทช์คงอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซไว้ที่ BBB+ และมีแนวโน้ม เชิงลบ นายไพรซ์กล่าวว่า ความสามารถของกรีซในการจัดการกับภาระหนี้ 3 แสนล้านยูโร (4.045 แสนล้านดอลลาร์) และแผนเพื่อการปฏิรูปต่อไปในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า จะมีความสำคัญต่ออันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ และกรีซ จะต้องระดมทุนให้ได้ 1.6 หมื่นล้านยูโรเป็นอย่างต่ำภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ ขณะที่หนี้ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์จะครบกำหนดชำระ
นายมาร์โก มิสนิค นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ให้สัมภาษณ์ว่า S&P จะยังคงจับตาดูการดำเนินการของกรีซตาม มาตรการรัดเข็มขัด มากกว่าประเด็นการให้ความช่วยเหลือของอียู
S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เตือนว่า กรีซยังคงเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับภายใน 18-24 เดือนข้างหน้า ถ้าไม่ สามารถดำเนินการตามแผนลดยอดขาดดุลได้
คาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายลงสู่ระดับใกล้ 0% ในเดือน ธ.ค. 2551 และอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจเพื่อลด ผลกระทบจากการทรุดตัวลงครั้งรุนแรงที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
คำกล่าวของนางเยลเลนเมื่อวานนี้ สอดคล้องกับชื่อเสียงของเธอในการ เป็นผู้สนับสนุนนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย ซึ่งให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการ จ้างงานและการขยายตัวของเศรษฐกิจมากกว่าการหลีกเลี่ยงเงินเฟ้อ
แต่เธอกล่าวอย่างชัดเจนเช่นกันว่า แม้ว่าเธอเห็นว่าเงินเฟ้อไม่ได้เป็นความเสี่ยงในขณะนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะไม่สนับสนุนการคุมเข้มนโยบาย เมื่อสถานการณ์มีความเหมาะสม เธอกล่าวว่า ในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นก็จะถึงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวที่นครเซี่ยงไฮ้ว่า คำกล่าวของเฟดที่ระบุถึง"เวลาอีกระยะหนึ่ง" หรือ “some time” หมายความว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสำหรับการประชุมของ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 ครั้ง หรือราว 6 เดือน
นายอีแวนส์บอกว่า ภาคธุรกิจจะรู้สึกประหลาดใจในความแข็งแกร่งของอุปสงค์ในปีหน้า และจะเริ่มเพิ่มจำนวนพนักงาน แต่นั่นยังเป็นแนวโน้มที่สหรัฐต้องระมัดระวังไม่ให้เร่งตัวเกินไป อย่างไรก็ตามก็คาดว่า นโยบายการเงินมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในเชิงผ่อนคลาย ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ความพิการทางกายไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบเท่าที่ความคิดและจิตใจไม่ได้พิการ
ผมพบเรื่องนี้ใน mblog จึงขอนำมาแบ่งปันครับ
บรรณาธิการนิตยสารคุณอุษาวดี สินธุเสน ได้พูดถึง
คลิปวิดีโอการแข่งขันโมเดิร์นแดนซ์ทางทีวีของนักเต้นรำชาวจีนคู่หนึ่ง เป็นคลิปวิดีโอที่ดูแล้วทั้ง
อึ้ง ทึ่ง และซาบซึ้งประทับใจกับลีลาการเต้นที่งดงามอ่อนช้อย พลิ้วไหวของคนพิการทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมีแขนและขาเหลืออยู่คนละข้างเดียว !!
ฝ่ายหญิงเป็นครูสอนเต้นรำเคยประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องเสียแขนไปข้างหนึ่ง แม้ความพิการจะเป็นอุปสรรคต่อการเต้นรำ แต่ด้วยความรักในอาชีพนี้ เธอจึงไม่ย่อท้อ ยังคงมุ่งมั่นฝึกฝนและทำในสิ่งที่เธอรักต่อไป จนวันหนึ่งเธอทราบข่าวว่ามีชายหนุ่มประสบอุบัติเหตุต้องตัดขาทิ้งไปข้างหนึ่งและเขากำลังรู้สึกเศร้าและหดหู่กับชะตากรรมที่ได้รับไม่ต่างจากเธอ เธอจึงพยายามสืบเสาะหาตัวชายผู้นี้
จนพบและเกลี้ยกล่อมให้เขามาเต้นรำคู่กับเธอ
ตอนแรกฝ่ายชายลังเลอยู่นาน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ เพราะไม่เคยเต้นรำมาก่อน และไม่มีความรู้พื้นฐานใดๆ เกี่ยวกับการเต้นรำเลยแม้แต่น้อย แต่ในที่สุด เขาก็ตกลง เพราะเห็นว่ายังดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างคนพิการที่ไร้สมรรถภาพ
ทั้งคู่ได้ไปจ้างครูสอนออกแบบท่าเต้นมาออกแบบท่าเต้นให้ และด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความเพียรพยายาม ชายหญิงคู่นี้ก็ประสบความสำเร็จ คว้าชัยชนะในการแข่งขันมาครองได้อย่าง
งดงาม...น่าภาคภูมิใจยิ่ง
ทั้งกรรมการ ผู้ชมในห้องส่ง และทุกคนที่ได้ชมการเต้นรำของหนุ่มสาวคู่นี้ ไม่มีใครไม่ประทับใจและไม่มีใครไม่ชื่นชม
อยากให้ผู้อ่านทุกท่านได้ดู โดยเฉพาะผู้ที่กำลังท้อแท้และสิ้นหวังในชีวิต รับรองว่า สิ่งที่คุณจะได้รับนั้นคุ้มค่าเกินกว่าเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่คุณต้องเสียไปอย่างไม่อาจเทียบกันได้
"ความพิการทางกายไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบเท่าที่ความคิดและจิตใจไม่ได้พิการ"
อัตราเงินเฟ้ออังกฤษร่วงแตะ 3% ในเดือนกุมภาพันธ์
ทั้งนี้ ตัวเลขซีพีไออังกฤษปรับตัวสูงขึ้นมากในเดือนมกราคม เนื่องจากราคาน้ำมันและภาษีจากการขายที่สูงขึ้น โดยรัฐบาลได้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาอยู่ที่ระดับ 17.5% ในเดือนมกราคม จากที่ได้ปรับลด VAT ลงมาอยู่ที่ระดับ 15% ในช่วง 13 เดือนก่อนหน้านั้นเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค และทำให้มีการคาดการณ์กันว่า อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
อย่างไรก็ดี ตัวเลขซีพีไอล่าสุดทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนเปลี่ยนมุมมองว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดไปแล้ว และจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2% ภายในสิ้นปีนี้ตามที่ธนาคารกลางอังกฤษได้ตั้งเป้าไว้
สำนักงานสถิติฯระบุว่า ราคาสินค้าและบริการในภาคสันทนาการและวัฒนธรรม อาทิ ของเล่น และ คอมพิวเตอร์ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ซีพีไอต่อปีร่วงลงในเดือนกุมภาพันธ์ ตามมาด้วยภาคการเคหะและการบริการในครัวเรือน ขณะที่เสื้อผ้าและรองเท้ามีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
สำหรับดัชนีราคาผู้ค้าปลีก (RPI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ชี้วัดเงินเฟ้ออีกทางหนึ่งโดยรวมต้นทุนเกี่ยวกับบ้านและเป็นดัชนีที่ใช้ในการเจรจาเรื่องค่าจ้าง ทรงตัวที่ระดับ 3.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดสินค้าอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวน ลดลงมาอยู่ที่ 2.9% ในเดือนกุมภาพันธ์ จากระดับ 3.1% ในเดือนมกราคม
ฮาวเวอร์ อาร์เชอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ซีพีไอเดือนกุมภาพันธ์ร่วงลงนั้น เป็นเพราะการลดราคาด้านสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ และเนื่องจากราคาอาหารปรับตัวขึ้นน้อยกว่าปีก่อน นอกจากนี้ ร้านค้าปลีกหลายแห่งลดราคาสินค้าน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมาด้วย โดยดัชนีราคาผู้บริโภคที่ร่วงลงมากเกินคาดนี้ อาจช่วยคลายความวิตกของบอร์ดแบงก์ชาติอังกฤษบางรายที่เกรงว่าเงินเฟ้อจะกลายเป็นปัญหา
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 25 มี.ค.
24 มี.ค. ทองคำปิดร่วง $14.90 หลังดอลล์แข็งเทียบยูโร
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรทำให้นักลงทุนแห่เทขายทองคำ โดยค่าเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ยทองเดือนเม.ย.ร่วงลง 14.90 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,088.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,106-1,084.80 ดอลลาร์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ภายหลังจากมีรายงานว่าฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชือถือของโปรตุเกสลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA- เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลโปรตุเกสร่วงลงอย่างหนักในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ฟิทช์ระบุว่าเศรษฐกิจโปรตุเกสจะฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นๆที่ใช้สกุลเงินยูโร ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นในยุโรปดิ่งลง และส่งผลให้สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐด้วย
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองแท่งที่ระดับ 1,120.079 ตัน ณ วันที่ 23 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.568 ตัน จากระดับของวันที่ 10 มี.ค.
วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก 23 มี.ค.: ยูโรร่วงเทียบดอลล์ จากข่าวกรีซเมินขอความช่วยเหลือ IMF
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.41% แตะที่ระดับ 1.3499 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3555 ยูโร/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์ดิ่งลง 0.40% แตะที่ 1.5036 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5096 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.32% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.380 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 90.090 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.04% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0575 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0579 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.16% แตะที่ 0.9191 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9176 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.14% แตะที่ 0.7075 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7065 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักวิเคราะห์จากบริษัท ฟอเรนจ์ เอ็กซ์เชนจ์ อนาไลติกส์ ในมลรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเงินของกรีซกำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและสกุลเงินของยุโรป เนื่องจากกลุ่มผู้นำอียูมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรีซ โดยเฉพาะนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่เรียกร้องว่ากลุ่มผู้นำอียูไม่ควรนำประเด็นการให้ความช่วยเหลือกรีซเข้าสู่ที่ประชุมสุดยอดอียูที่เมืองบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้
ค่าเงินยูโรถูกกดดันมากขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรีซได้ออกมาแสดงท่าทีว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากไอเอ็มเอฟ แม้ก่อนหน้านี้นายรัฐมนตรีเยอรมนีผลักดันให้กรีซหันไปพึ่งพาไอเอ็มเอฟก็ตาม
นายโฮเซ่ อังเกล เกอร์เรีย เลขาธิการ กลุ่มองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กล่าวว่า กรีซควรหาทางเลือกหลายๆทางเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ด้านการคลัง นอกจากนี้ นายเกอร์เรียกล่าวว่า เขายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจกรีซ เพราะเชื่อว่าแนวทางในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ของกรีซยังมีอยู่หลายทาง
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลกรีซได้ประกาศใช้มาตรการมากมายเพื่อความพยายามที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณ รวมถึงงบประมาณที่ต้องเตรียมไว้สำหรับการไถ่ถอนพันธบัตรมูลค่า 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้
วิเคราะห์เทคนิค EUR/USD 24 มี.ค.
วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553
น้ำมันขยับเล็กน้อย-หุ้นมะกันปิดบวกหลังคองเกรสผ่านแผนประกันสุขภาพ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ ปืดที่ 81.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 80.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ร่วงลงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ในช่วงต้นของการซื้อขายในวันจันทร์(22) เมื่อดอลลาร์ขยับขึ้นขณะที่ผู้นำชาติยุโรปตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการเข้าคลี่คลายวิกฤตหนี้สินกรีซ ณ ที่ประชุมในกรุงบรัสเซลส์ ช่วงปลายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามราคาดีดกลับขึ้นมาปิดในแดนบวก หลังช่วงท้ายของการซื้อขายดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซที่เขย่าความมั่นใจในยูโรโซน ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันจันทร์(22) ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลังมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นชัยชนะของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ช่วยยุติความวิตกของนักลงทุนต่อความไม่แน่นอนในประเด็นดังกล่าว แม้ว่านักวิเคราะห์บางส่วนอาจมีความกังวลเพิ่มขึ้นว่าร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบในวันอาทิตย์(21) อาจกระทบต่อกำไรและเพิ่มต้นทุนแก่บริษัทประกัน ทว่าตลาดก็ได้รับผลกระทบในด้านลบในข้อวิตกนี้ไปก่อนหน้าแล้ว ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 43.91 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,785.89 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 20.99 จุด (0.88 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,395.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (0.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,165.81 จุด |